ถ้าพูดถึงเสื้อผ้าที่เป็นไอเท็มสุดคลาสสิก ใส่ได้ทุกโอกาส แมทช์ได้กับเสื้อผ้าทุกชิ้น ให้ลุคตั้งแต่แคชชวลไปจนถึงเป็นทางการ ก็เห็นจะเป็น กางเกงยีนส์ นี่แหละ!!!
ปัจจุบันนี้ยีนส์เป็นเครื่องแต่งกายที่นิยมใส่กันทั่วทุกมุมโลก และใส่กันทุกเพศทุกวัย วันนี้เราจะพาคุณย้อนเวลากลับไปดูความเป็นมาของยีนส์กันว่ามาจากที่ไหน “ยีนส์” ปรากฏตัวครั้งแรก ณ เมือง Genoa ประเทศอิตาลี กางเกงยีนส์ถือเป็นเครื่องแต่งกายประจำของกะลาสีเรือในยุคนั้น ด้วยความทนทาน สามารถเผชิญกับสภาพแห้งหรือเปียกได้ดี และเนื้อผ้ามีความยืดหยุ่นสามารถถกขากางเกงได้ขณะอยู่บนดาดฟ้าเรือ ประกอบกับราคาถูก เพราะถูกผลิตมาเพื่อใส่ทำงาน ส่วนคำว่า ยีนส์ นั้นมาจากเมืองต้นกำเนิดอย่าง เมืองเจนัว (Genoa) ซึ่งชาวฝรั่งเศสเรียกว่า จีนส์ (Gênes) และเรียกสินค้าจากเมืองเจนัวว่า Jene ต่อมาเปลี่ยนเป็น Jean (ชอง) ซึ่งภาษาอังกฤษอ่านว่า จีนหรือยีน และเมื่อนำผ้าชนิดนี้ไปตัดกางเกงก็ต้องเป็นคำที่เติม S จึงเรียกว่า Jeans
มาในปี ค.ศ. 1850 Levi Strauss (ลีวาย สเตราส์) ชายชาวเยอรมันเดินทางมาช่วยธุรกิจเสื้อผ้าและสิ่งทอของพี่ชายที่อเมริกา ต่อมาขยับขยายถิ่นฐานมาซานฟรานซิสโก และได้ผลิตกางเกงยีนส์ขึ้นเพื่อคนทำงานในเหมือง โรงงาน หรือสำหรับชนชั้นแรงงานนั่งเอง ต่อมากางเกงยีนส์กลายเป็นไอเท็มที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเหล่าดาราฮอลลีวูดระดับตำนาน เช่น James Dean ได้นำไอเท็มชิ้นนี้มามิกซ์แอนด์แมทช์กับเสื้อผ้าชิ้นอื่นๆ เกิดเป็นลุคใหม่สะเทือนวงการแฟชั่น นั่นทำให้บทบาทของยีนส์ที่ถูกมองว่าเป็นเสื้อผ้าสำหรับชนชั้นแรงงานนั้นเปลี่ยนไป กลายเป็นไอเท็มที่ใส่แล้วดูเท่ดูคูล
ปัจจุบัน แฟชั่นยีนส์ ได้มีผสมผสานกับกลิ่นอายวัฒนธรรมอื่นๆ จนทำให้การสวมใส่ยีนส์เป็นเรื่องสนุก ใส่ได้ง่ายในชีวิตประจำวัน และ Lee แบรนด์ยีนส์ระดับตำนานที่มีความเป็นมากว่า 130 ปี ที่ได้มีแคมเปญใหม่ที่ชื่อว่า ‘Stand Tall’ ซึ่งสื่อถึงโลกยุคใหม่ที่ผู้คนมีความมั่นใจในตนเอง กล้าที่ก้าวออกจาก Comfort Zones
และคอลเลคชั่น Lee X-LINE ก็ได้รับแรงบันดาลใจ Surf-Skate ซึ่งกำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้ บวกวัฒนธรรมดนตรีแบบ Hip Hop Culture ที่สอดแทรกไปกับเสื้อผ้าทุกชิ้น ทั้งฟิตติ้งแบบ Oversize ดีไซน์ของเสื้อที่ปลายผ้าตัดเฉียง เทคนิคการปริ้นท์ลวดลายแบบใหม่ที่โดดเด่นสะดุด ทำให้ Mix & Match ได้สนุกยิ่งขึ้น ส่วนกางเกงยีนส์ได้มีการนำ Iconic Fit อย่างทรง Tapered, Slim และ Shorts มาออกแบบใหม่ รวมถึงการฟอกสีแบบใหม่ที่ให้สีซีดสวยแบบบลูยีนส์ และยังทำรอยขาดกำลังพอเหมาะ แมทช์กับท่อนบนที่เป็น Oversized ได้อารมณ์เท่ๆ ตอบโจทย์ลุค Street Fashion
ส่วน Wrangler แบรนด์ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการยีนส์มานานกว่า 70 ปี นำความเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมของกางเกงยีนส์ทรง Iconic มาผสามผสานกับเทคนิคการฟอกและตัดเย็บให้ดูร่วมสมัยสไตล์ Modern Vintage
ซึ่งในคอลเลคชั่น Wrangler Heritage Collection ได้ออกแบบมาเพื่อช่วยเสริมสรีระของผู้หญิงให้ดูดียิ่งขึ้น ทั้ง ขากระบอก สกินนี่ ไปจนถึงขากว้าง ใช้เทคนิคการตัดเย็บเพื่อให้ผู้หญิงรู้สึกมั่นใจ มีความสุขกับรูปร่างของตัวเอง ไม่ว่าจะรูปร่างแบบไหน และเนื้อผ้ายังช่วยให้เคลื่อนไหวได้อย่างสบายตัว
ส่วนกางเกงยีนส์ผู้ชาย ได้แรงบันดาลใจมาจากการผจญภัย ลุยๆ แบบคาวบอย แต่ใช้เทคนิคสมัยใหม่ในการตัดเย็บแต่งรอยเฟด รอยขาดต่างๆ บนกางเกงยีนส์ ให้เหมือนกับลุยมาแล้วเต็มที่