svasdssvasds

สรุปดราม่าแม่อุ้มลูกวัย 10 เดือน ติดโควิด 19 ร่ำไห้ รพ. ไม่รับรักษา ?

สรุปดราม่าแม่อุ้มลูกวัย 10 เดือน ติดโควิด 19 ร่ำไห้ รพ. ไม่รับรักษา ?

เปิดข้อมูลทั้ง 2 ด้าน ทั้งแม่ของเด็กวัย 10 เดือน ติดโควิด 19 กับผู้ที่อ้างว่าเป็นบุคลากรทางการแพทย์ ของหนึ่งในโรงพยาบาลที่เป็นคู่กรณี ว่าความจริงแล้ว โรงพยาบาลปฏิเสธการรักษา ? หรือครอบครัวดังกล่าว เป็นฝ่ายปฏิเสธการรักษาเอง ?

การเป็นคลิปที่สร้างความสะเทือนใจอย่างยิ่ง กรณีแม่อุ้มลูกวัย 10 เดือน ติดโควิด 19 ร่ำไห้กลางดึก เหตุโรงพยาบาลหลายแห่งไม่ยอมรับตัวรักษา ภาพที่ปรากฏออกมาสร้างทั้งความเจ็บปวดและโกรธแค้นให้กับผู้ได้ชมคลิปดังกล่าวเป็นอย่างมาก

แต่ต่อมา ก็มีข้อมูลอีกด้านจากเพจของบุคลากรทางการแพทย์ ทำให้เรื่องหักมุมไปอีกขั้ว สรุปแล้วเรื่องราวมันเป็นยังไงกันแน่ ?

SPRiNG รวบรวมข้อมูลทั้งในส่วนของแม่เด็ก และผู้ที่อ้างว่าเป็นบุคลากรทางการแพทย์ ที่อยู่ในเหตุการณ์ เพื่อค้นหาความจริงว่า  โรงพยาบาลปฏิเสธการรักษา ? หรือครอบครัวดังกล่าว เป็นฝ่ายปฏิเสธการรักษาเอง ?

ข้อมูลจากแม่ของเด็กวัย 10 เดือน

1. แม่อุ้มลูกติดเชื้อโควิด 19 ไลฟ์สด หน้าโรงพยาบาล

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นวันที่ 11 เมษายน ช่วงเวลา 2.30 น. หญิงสาวอุ้มลูกวัย 10 เดือน ไลฟ์สดหน้าโรงพยาบาล โดยเธอกล่าวว่า โรงพยาบาลไม่ยอมรับเธอกับลูกเข้าทำการรักษา

ระหว่างร่ำไห้เธอเล่าว่า ตนกับสามีขับรถตระเวนไป โรงพยาบาลมา 4 แห่ง แต่ทุกที่ก็ปฏิเสธการรักษา โดยอ้างว่าเตียงเต็ม (สาวลูกป่วยไข้สูง หาโรงพยาบาล ร่ำไห้ไลฟ์สดไร้รพ.รักษา)

เด็กติดโควิด

2. คลิปสุดบีบหัวใจ

ด้วยภาพที่สะเทือนใจ โดยเฉพาะเด็กวัย 10 เดือนที่ป่วยเป็นโรคโควิด 19 มีอาการไข้สูง แต่กลับถูกปฏิเสธการรักษาจากหลายโรงพยาบาล (ตามข้อมูลที่เธออ้าง)  โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่เธอกำลังไลฟ์สด

ก่อให้เกิดคำถามขึ้นมามากมายว่า ถึงแม้เตียงเต็ม แต่ก็ต้องช่วยประสานงานให้กับสถานพยาบาลอื่นๆ การทอดทิ้งผู้ป่วยโควิด 19 โดยเฉพาะเด็กวัย 10 เดือน อยู่ในสถานการณ์ที่ไร้ทางออกเช่นนี้ ถึงว่าสุ่มเสี่ยงเป็นอย่างมาก   

3. ตะเวนตั้งแต่ค่ำ ยันเกือบเช้า ก็ยังไม่ได้โรงพยาบาล

ต่อมาเวลา 03.40 น. แม่เด็กก็ไลฟ์สดอีก เป็นภาพของสามีกำลังคุยโทรศัพท์ โดยระหว่างนั้นแม่ของเด็กก็บรรยายว่า มาถึงโรงพยาบาลแห่งใหม่แล้ว แต่ก็ถูกปฏิเสธการรักษาอีก และตอนนี้อาการของลูกก็กำลังย่ำแย่

กระทั่งเวลา 05.48 น. แม่เด็กได้โพสต์ข้อความว่า “ตอนนี้น้องยังไม่มีโรงพยาบาลไหนรับค่ะ ไปมาทุกที่แล้วเต็มหมด ใครมีโรงพยาบาลที่พาน้องเข้าไปรักษาได้ ช่วยพวกเราที ขอแบบไปโรงพยาบาลแล้วเค้ารับน้องเลย”

4. ผู้ช่วย ส.ส. เข้าช่วยเหลือ นำแม่และเด็กเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากแม่และเด็กอยู่ในสถานที่ที่ห่างไกลสถานพยาบาล ยังถือว่าเป็นเรื่องสุดวิสัย แต่นี่เกิดขึ้นกลางเมือง และไปถึงโรงพยาบาลต่างๆ แล้ว อีกทั้งมีการไลฟ์สดเป็นระยะ แต่ทำไมเหตุการณ์นี้จึงเกิดขึ้นได้ และทำไมตั้งแต่ค่ำยันใกล้จะเช้า ยังไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดต่อขอเข้าไปดูแล ?

และก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายไปกว่านี้ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ช่วย ส.ส.เขตสายไหม ก็ได้เข้าช่วยเหลือครอบครัวดังกล่าว โดยประสานให้ครอบครัวนี้เข้าทำการรักษาที่โรงพยายบาลภูมิพลฯ เมื่อช่วงเวลาประมาณ 06.00 น. (ถึงมือหมอแล้ว! ผอ.รพ.ภูมิพลฯ รับพ่อแม่ลูก ติดโควิด-19 เข้ารับการรักษา)

เด็กติดโควิด

ข้อมูลจากบุคลากรทางการแพทย์ ยัน ไม่ได้ปฏิเสธการรักษา

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ก็ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก กระทั่งต่อมา เพจเฟซบุ๊ก “หมอขอบ่นหน่อยเหอะ-AggressiveDoctor” ก็ได้นำเสนอข้อมูลจากผู้ที่อ้างว่าเป็นบุคลากรทางการแพทย์รายหนึ่ง ที่ส่งข้อความไปยังเพจดังกล่าว แต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อและสังกัด

1. ยัน โรงพยาบาลไม่ได้ปฏิเสธการรักษา

บุคลากรทางการแพทย์ อ้างว่า หลังจากทราบว่าแม่และลูกวัย 10 เดือน ติดเชื้อโควิด 19 ทางโรงพยาบาลก็ได้ประสานจะส่งครอบครัวดังกล่าวไปรักษายังสถานพยาบาลที่รับรักษาโดยตรง

แต่ทางพ่อของเด็กไม่ยอม ยืนยันว่าจะขอรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ เพราะมีเงินจ่าย  ทางโรงพยาบาลจึงแนะนำให้กลับไปบ้านก่อน หากสามารถหาห้องและเตียงให้ได้แล้ว จะแจ้งกลับไป พร้อมแนะนำเรื่องการเช็ดตัวเด็ก และการทานยาลดไข้

2. ผู้เป็นพ่อ เป็นฝ่ายเซ็นเอกสารปฏิเสธการรักษา

บุคลากรทางการแพทย์เล่าต่อไปว่า กระทั่งเที่ยงคืน ครอบครัวดังกล่าวก็กลับมาที่โรงพยาบาลอีก จะขอแอดมิด (ขอรับเข้าเป็นผู้ป่วยใน) ทางโรงพยาบาลได้เตรียมห้อง Negative ให้ แต่ไม่พอใจ อยากได้ห้องที่เป็นสัดส่วน

แต่ในเวลานั้นทางโรงพยาบาลไม่สามารถจัดหาห้องอย่างที่ครอบครัวนี้ต้องการได้ ผู้เป็นพ่อจึงไม่พอใจ และได้เซ็นเอกสารปฏิเสธการรักษา  

3. ยัน โรงพยาบาลไม่ได้ทอดทิ้ง

ผู้ที่อ้างว่า เป็นบุคลากรทางการแพทย์ ได้ยืนยันว่า โรงพยาบาลไม่ได้ทอดทิ้ง ได้พยายามช่วยหาสถานพยาบาลให้ โดยติดต่อ 1668 ไปที่กรมการแพทย์ เมื่อเวลา 01.15 น. แต่ไม่มีใครรับ เพราะนอกเวลาทำการ

ต่อมาติดต่อไปทางกรมควบคุมโรค และทางนั้นจะส่งรถพยาบาลมารับ ฝ่ายพ่อก็ปฏิเสธ อ้างว่า ถ้าจะมีรถพยาบาลมารับ คนอื่นจะรู้

ทางโรงพยาบาลจึงแนะนำให้นอนพักในห้องที่เตรียมไว้ก่อน พอถึงเวลา 08.00 น. จะประสานให้อีกครั้ง แต่ครอบครัวดังกล่าวไม่พอใจ และบอกจะพาลูกไปหาโรงพยาบาลที่อยู่ด้วยกันให้ได้ กระทั่งต่อมาในเวลา 02.30 น. ครอบครัวดังกล่าวก็ได้ไปไลฟ์สด หน้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง

ทั้งหมดนี้ ก็คือเหตุการณ์เดียวกัน จาก 2 มุมที่เกิดขึ้น ซึ่งในส่วนของโรงพยาบาลที่ตกเป็นจำเลยสังคม ณ ขณะนี้ ยังไม่มีผู้บริหารโรงพยาบาลออกมาชี้แจงอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่า หลายโรงพยาบาลที่ถูกพาดพิง อาจจะมีการแถลงชี้แจงในเร็วๆ นี้

เพราะเรื่องราวที่ถูกนำเสนอผ่านไลฟ์สด มันบีบหัวใจและสร้างความเจ็บปวดและโกรธแค้นให้กับสังคมเป็นอย่างยิ่ง ข้อเท็จจริงจึงเป็นสิ่งสำคัญ ในการสร้างความเข้าใจ รวมถึงแก้ไขในจุดที่บกพร่อง เพื่อไม่ให้เหตุการณ์สะเทือนใจนี้...เกิดขึ้นอีก  

related