"Reverse 4 You ดาวบริวาร The Series" อีกหนึ่งก้าวของการเติบโตของคริสติน-เม

ท่ามกลางกระแสซีรีส์ชายรักชายที่ได้รับความนิยมและโด่งดังมาอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ซีรีส์หญิงรักหญิงหลายเรื่องก็เริ่มได้รับความนิยมอย่างมากในสื่อไทย ไม่เพียงแต่ซีรีส์เท่านั้น แต่ปัจจุบันการเปิดกว้างทางความรักของเพศหลากหลายก็ได้รับการยอมรับมากขึ้นเช่นเดียวกัน

สำหรับซีรีส์เรื่อง “Reverse 4 You ดาวบริวาร The Series” ซีรีส์ Sapphic แนวโรแมนติกแฟนตาซี ที่เล่าเรื่องราวของ "จัตวา" สาวน้อยผู้มีพลังวิเศษหยุดและย้อนเวลาได้ ที่ได้พบกับ “โฟร์” รุ่นพี่ปีสี่ในรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกัน ผู้ได้รับเสียงร่ำลือว่าเป็นมือตบตัวฉกาจ และนิสัยเลวร้ายไม่น่าคบ ที่น้องสาวของเธอ "วีวี่" ได้นิมิตรทำนายเอาไว้ว่าเป็นเนื้อคู่ของเธอ แต่ทว่าหากจัตวาและโฟร์ได้รักกัน เธอจะต้องสูญเสียวีวี่น้องสาวของเธอทุกครั้ง กลายเป็นชะตากรรมของจัตวา ที่จะต้องรักษาไว้ทั้งคนรักและน้องสาว

เมื่อพูดถึงกระแสตอบรับของซีรีส์ Reverse 4 You ดาวบริวาร The Series ทั้งสองคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าได้รับกระแสตอบรับที่ดี รวมถึงความคาดหวังของทั้งสองคนที่คาดหวังว่า คนดูจะชื่นชอบในสิ่งที่ซีรีส์สื่อสารออกไป และยังหวังอีกว่าทุกคนจะรู้สึกสนุกกับการแสดงของทั้งสองคน

 

การเข้าถึงบทบาทไม่ใช่เรื่องยากเพราะเราเป็น “นักแสดง”

ในตัวละครของ “โฟร์” (รับบทโดย คริสติน กุลสตรี มิชารัลสกี้)  ก็จะมีความแตกต่างกันอยู่มาก เพราะเนื้อเรื่องของซีรีส์มีความแฟนตาซี และในความเป็นจริงตัวเธอเองก็ไม่ได้เจออะไรแบบตัวละคร แต่พอได้รับบทบาทมา ก็ต้องจินตนาการให้ได้ว่าตัวละครผ่านอะไรมาบ้าง เข้า Workshop อ่านนิยาย อ่านสคริปท์ เพื่อให้เข้าถึงบทบาทให้ได้มากที่สุด เธอยังเล่าต่อว่า อย่างฉากหิมะตกในประเทศไทย ก็ต้องจินตนาการให้ได้ว่าถ้าประเทศไทยเกิดหิมะตกขึ้นมาจริงๆ จะเป็นยังไง แต่สำหรับเธอก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเธอมองว่า พอได้มาเป็นนักแสดงก็ไม่ใช่เรื่องยากที่ต้องจินตนาการขึ้นมาให้ได้

ส่วนตัวละครอย่าง “จัตวา” (รับบทโดย เม เมธกานต์ เอนกธนะสุวรรณ) ตัวละครที่มีพลังวิเศษในการย้อนเวลา เธอเล่าว่า ในการเข้าถึงตัวละครของจัตวา เป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้เพราะในชีวิตจริง ไม่ได้มีพลังย้อนเวลา แต่สิ่งที่ยากคือจะต้องจินตนาการให้ได้ว่า เรากำลังทำอะไรหรือรู้สึกอะไรอยู่

มุมมองเรื่องเพศและความรักต้องมาเล่นซีรีส์ Sapphic

เมื่อพูดถึงเรื่องมุมมองเรื่องเพศและความรัก ในการมาเล่นซีรีส์ Sapphic ทั้งสองคนมีมุมมองที่เหมือนกันว่า การมีความรักไม่ว่าเพศไหนก็ตามมันเป็นสิ่งที่สวยงามเสมอ เพราะความรักคือเรื่องปกติของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบหญิงรักหญิง ชายรักชาย หรือชายรักหญิง และไม่ว่าจะเป็นความรักในรูปแบบไหนก็ตามเพราะตอนนี้ประเทศไทยก็ได้เปิดกว้างในเรื่องความหลากหลายทางเพศ การมีความรักไม่ว่าจะรูปแบบไหน หรือเพศไหนก็ตาม ก็เป็นสิ่งที่เราทุกคนควรยินดี

“เพราะขึ้นชื่อว่าความรักมันสวยงามเสมอ แต่มันจะถูกเอาไปทำให้ไม่สวยงาม มันก็ขึ้นอยู่กับตัวของบุคคลนั้นๆ” คริสติน กุลสตรี

เพราะคือ “โอกาส” มากกว่าการจำกัดว่าเป็น “ซีรีส์หญิงรักหญิง”

การได้มาเล่นซีรีส์ Sapphic ของทั้งสองคนนั้นมองว่าคือโอกาสที่ดีในการทำงาน ถึงจะเป็นเรื่องที่ใหม่สำหรับทั้งสองคน เม เล่าว่า ตัวเธอไม่ได้จำกัดว่าตัวเองจะต้องเล่นชายหญิง หรือ หญิงหญิงมากกว่ากัน เพียงแต่เห็นว่ามันคือโอกาสและมองว่ามันคืองาน เพราะในตอนนี้นอกจากสื่อที่เกี่ยวกับ BL ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในวงการบันเทิงมากขึ้น การมีซีรีส์ GL ที่เพิ่มมากขึ้นก็ถือเป็นเรื่องที่ดีในวงการบันเทิงเช่นกัน

“เพราะเราก็เป็นนักแสดง อะไรที่เข้ามาเป็นโอกาส ก็ยินดีที่จะไขว่คว้ามาอยู่แล้ว” คริสติน กุลสตรี

คริสตินเล่าว่า พอเป็นนักแสดง ก็ไม่ได้คิดจะเลือกว่าอยากเล่นเป็นใคร หรือเล่นคู่กับคนไหน ในครั้งแรกที่มี Casting Director ติดต่อมา พอได้อ่านบทก็ไม่ได้มีความรู้สึกแปลกใจอะไร แค่รู้ว่าเป็นแค่ตัวละครหนึ่งที่จะมีคู่เป็นผู้หญิงเท่านั้น และในตอนนี้ประเทศไทยก็มีความเปิดกว้างในเรื่องของความหลากหลายทางเพศมากกว่าประเทศอื่นๆ ทั้งตัวคริสตินและเม ก็ดีใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการเป็นตัวแทนในการนำเสนอความหลากหลายทางเพศผ่านซีรีส์ Sapphic ให้กับบางคนที่ยังปิดกั้นอยู่ ว่าความรักรูปแบบนี้ก็มีอยู่จริง

“บางวันเราก็ไม่ได้ชอบตัวเองขนาดนั้น แล้วการมาเป็นนักแสดงมันค่อนข้างตอบโจทย์” คริสติน กุลสตรี

ทั้งสองคนยังมองอีกว่า ในปัจจุบันที่วงการซีรีส์ Sapphic เริ่มขยายใหญ่ขึ้น ผู้คนเริ่มจากหลากหลายพื้นที่ก็สามารถเข้าถึงสื่อของไทยได้มากขึ้น ไม่เพียงแต่ในประเทศไทย แต่รวมไปถึงในพื้นที่อาเซียนและยุโรปอีกด้วย ทั้งสองคนหวังว่า ซีรีส์เรื่องนี้จะสามารถสร้าง Soft Power และให้หลายคนที่ยังไม่เข้าใจความรักของกลุ่มคนหลากหลายทางเพศได้เปิดใจถึงการมีอยู่ของคนกลุ่มนี้

“เราก็เคยคิดว่าตัวเองคิดมากเกินไปหรือเปล่า เราไม่เคยดูผลงานตัวเองชิ้นไหนแล้วรู้สึกว่า ฉันทำดีแล้ว”

เมื่อพูดถึงทักษะการแสดงที่อยากพัฒนา ทั้งสองคนกลับมีความเห็นตรงกันว่าไม่เคยพอใจในผลงานที่ตัวเองเคยแสดงมา ถึงแม้จะรู้ว่า ณ ช่วงเวลานั้นคือสิ่งที่ทำดีที่สุดแล้ว ถึงจะรู้สึกคิดว่าควรทำให้ดีขึ้นมากกว่านี้ แต่ก็เคารพตัวเองในช่วงเวลานั้นมากพอ และพร้อมจะเรียนรู้และเปิดใจให้กับประสบการณ์ใหม่ๆ เสมอ เพราะความสุขของทั้งสองคนคือการได้เป็นนักแสดง

“พอเราเป็นนักแสดง ถ้าเค้าให้เล่นเป็นต้นไม้หนูก็เล่นนะ เราก็อยากเล่น ถ้ามันน่าสนใจ มันคือการอยากแสดง เพราะว่าเราเป็นนักแสดง” คริสติน กุลสตรี

“ตัวเมเองก็ยังใหม่กับวงการนี้ ยังมีอะไรที่ให้ฝึกอีกเยอะ เหมือนน้ำเต็มแก้วที่มีอะไรใหม่ๆ ให้ต้องเรียนรู้ตลอดเวลา” เม เมธกานต์

เมื่อกลายเป็นคู่จิ้น แฟนคลับก็ติดภาพจำ

การได้มาร่วมงานของทั้งสองคนอาจทำให้แฟนคลับหลายคนจับจิ้นกันจนกลายเป็นภาพจำที่หลายคนไม่สามารถแยกแยะได้ แต่ทั้งสองคน บอกว่า ถ้าแฟนคลับจะเอ็นดูคู่ คริสตินเม หรือ เมคริสติน ก็เป็นสิ่งที่น่ายินดีที่ทุกคนสนับสนุน ทั้งสองคนยังบอกอีกว่า ไม่ได้กลัวว่าจะมีคนมาติดภาพจำ เพราะที่ผ่านมาทั้งสองคนเองก็มีผลงานอื่นๆ ให้หลายคนได้เห็น และการที่การแสดงของทั้งสองคนทำให้แฟนคลับรู้สึกอินไปจนถึงนอกจอซีรีส์ ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีมากหากจะทำให้ทั้งสองคนได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง เพราะการได้ร่วมงานกับคนที่คุ้นเคย ก็ถือเป็นความสบายใจอีกอย่างหนึ่งในการทำงาน

Hate Comment หลังคีย์บอร์ดที่เราจัดการไม่ได้ นอกจากจัดการตัวเอง

สำหรับเม เธอเล่าว่า จะเป็นคนที่อ่านคอมเมนต์ทั้งหมด เพราะอยากรู้ว่าสิ่งที่เล่นออกไปเป็นอย่างไร แต่ก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดีเมื่อเห็นคอมเมนต์ในเชิงลบ ในบางครั้งที่ตัวเธอเองไม่รู้ว่าสิ่งการแสดงของเธอนั้นมันออกมาไม่ดี แต่คนที่มองเข้ามารู้สึก ก็ต้องยอมรับและน้อมรับทุกคำติชมถ้ามันคือเรื่องจริง เธอเล่าต่อว่า แต่ถ้าเจอคอมเมนต์ในเชิงลบที่เยอะมากๆ และถ้ามันคือเรื่องจริง ก็ต้องพยายามเรียนรู้และอยู่กับมันให้ได้ เพราะมันคือสิ่งที่ทำลงไป เพราะในตอนนั้นเราก็ย้อนเวลากับไปแก้ไขไม่ได้

“จะก็พยายามที่จะเตือนตัวเองไว้เสมอ แล้วก็เอาไปพัฒนาต่อในทุกครั้งที่เรามีโอกาสในการแสดง” เม เมธกานต์

คริสตินเล่าว่า ถ้าวันหนึ่งเราโดนคอมเมนต์ถล่มขึ้นมา ก็ไม่สามารถบอกให้ใครมารักเราได้ทั้งหมด ตัวเธอเองก็ไม่สามารถตอบได้ว่า สุขภาพจิตของตัวเองในตอนนั้นจะเป็นยังไง แต่ถ้าวันหนึ่งมันเกิดขึ้น ก็คงต้องหาต้นตอว่ามันเกิดจากอะไร และพยายามแก้ไข ปรับปรุง และพัฒนาให้ดีขึ้น

“บางทีคุณอาจจะคิดว่าการคอมเมนต์อะไรออกไป แล้วคิดว่าคนอ่านเขาไม่รู้สึกอะไร คนที่เป็นบุคคลสาธารณะ เขาก็ไม่ใช่สนามอารมณ์ของคนอื่นนะ อยากให้ทุกคนคิด แล้วก็มีสติก่อนทำทุกครั้ง” คริสติน กุลสตรี