svasdssvasds

บนเส้นทางสู้ของครูกะเทย ปารมี ไวจงเจริญ สส.กะเทยในสภาไทย

บนเส้นทางสู้ของครูกะเทย ปารมี ไวจงเจริญ สส.กะเทยในสภาไทย

จากกะเทยในครอบครัวคนจีน สู่ครูกะเทยที่ทำงานในสภา ที่ยืนยันว่าเป็นกะเทยไม่ต้องพิสูจน์ตัวเองกับใคร : ปารมี ไวจงเจริญ สส.พรรคก้าวไกล

SHORT CUT

  • รู้จัก "ปารมี ไวจงเจริญ" สส.หญิงข้ามเพศ หรือ กะเทย ที่ขับเคลื่อนประเด็นด้านการศึกษาในสภาผู้แทนราษฎร
  • ชีวิตที่ต่อสู้ตั้งแต่ครอบครัวคนจีน จนถึงการได้รับการยอมรับในสังคม
  • ปารมี บอกว่า "เป็นกะเทยไม่จำเป็นต้องพยายามพิสูจน์ตัวเองกับใคร พิสูจน์ว่าเราเป็นคนคนหนึ่งก็เพียงพอ"

จากกะเทยในครอบครัวคนจีน สู่ครูกะเทยที่ทำงานในสภา ที่ยืนยันว่าเป็นกะเทยไม่ต้องพิสูจน์ตัวเองกับใคร : ปารมี ไวจงเจริญ สส.พรรคก้าวไกล

ปารมี ไวจงเจริญ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็น สส.สมัยแรกจากการได้รับเลือกตั้งเมื่อปี 2566 ขับเคลื่อนนโยบายด้านการศึกษาของพรรคก้าวไกล เป็นกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร เดิมประกอบอาชีพครูนอกระบบ หรือติวเตอร์มาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี

 

ปารมี เป็นหญิงข้ามเพศที่ยืนยันว่า หญิงข้ามเพศ หรือ “กะเทย” ไม่ได้ประกอบอาชีพแค่นางโชว์ หรือช่างแต่งหน้าตามที่สังคมคุ้นชินได้เท่านั้น เธอสามารถเข้ามาเป็น สส.และขับเคลื่อนประเด็นด้านการศึกษาได้ LGBT ก็มีความสามารถหลากหลายเท่ากับมนุษย์ทุกคน เธอเล่าให้ฟังว่า เธอไม่ใช่หญิงข้ามเพศคนแรกในสภา แต่ถูกปูทางโดย สส.อนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกลไว้ตั้งแต่สมัยที่แล้ว และเขาเหล่านั้นจุดประกาย “ครูจวง” ให้กล้าอาสาเข้ามาทำงานการเมืองกับพรรคก้าวไกล

ปารมี เล่าให้ฟังถึงชีวิตตั้งแต่วัยเด็กต้องฝ่าฟันตั้งแต่ระดับครอบครัว แม่เป็นคนจีน เกลียดกะเทยมาก เธอเป็นลูกคนโต พ่อแม่อยากให้เป็นผู้ชายเพื่อสืบทอดวงศ์ตระกูล ตอนเด็กโดนตี แต่เธอบอกว่าเธอสู้

 

“ถึงตีก็เป็น ก็มันเป็นแล้วอะ ตียังไงก็ไม่หาย พ่อก็ตีให้เลิก ตียังไง ตีให้ตายมันก็ไม่เลิกเป็นกะเทย พี่เป็นคนเรียนเก่ง แล้วก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ พ่อแม่ แม้จะไม่ชอบกะเทยแล้วตีลูก แต่เมื่อลูกเรียนดีก็ยอมรับได้” ปารมี กล่าว

ปารมีรักการเป็นครูและอยากเป็นครูมาก เธอจบการศึกษาจากคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่เลือกไม่สอบบรรจุเป็นข้าราชการครูเพราะการเลือกปฏิบัติทางเพศ เธอใส่ชุดผู้ชายไม่ได้ ยืนยันว่าตนเองเป็นหญิงข้ามเพศ และค่านิยมสังคมไทยในสมัยก่อนก็รู้สึกว่าครูต้องเป็นต้นแบบเพศสภาพที่ถูกต้อง คนเป็นครูต้องไม่เป็นกะเทย หรือ LGBTQ เธอจึงเลือกเป็นครูนอกระบบ ครูพิเศษ และติวเตอร์ เพราะเธอมั่นใจว่า เธอมีศักยภาพเพียงพอ

 

“ไม่ต้องเป็นครูในระบบก็สามารถเป็นครูได้ เพราะฉันมีจิตวิญญาณ” ปารมี กล่าว

 

ปารมี ยอมรับว่าความคิดของเธอเปลี่ยนเรื่องหนึ่งจากตอนเด็ก ที่เคยพยายามเรียนให้เก่งเพื่อให้พ่อแม่รับได้ที่เป็นกะเทย เธอบอกว่า เกิดเป็นกะเทย ไม่จำเป็นต้องสวย ต้องเรียนให้เก่ง หรือต้องเลี้ยงพ่อแม่เท่านั้น คุณจะเรียนเก่งหรือไม่เก่ง มันก็แค่สมรรถนะด้านหนึ่ง คุณอาจจะเก่งเรื่องอะไรก็ได้ เราเห็นกะเทยแบกข้าวสารเขาก็เป็นกะเทยได้

 

“LGBT ไม่ต้องพิสูจน์ตัวเองอะไรให้มากมาย พิสูจน์ว่าเราเป็นคนคนหนึ่งก็เพียงพอ”

 

ปัจจุบัน ปารมี ยังคงทำงานเป็น สส.ของพรรคก้าวไกล เป็นสมัยแรก ขับเคลื่อนเรื่องการศึกษาอย่างจริงจัง และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งที่ยืนยันว่า “LGBTQ” สามารถเป็นได้ทุกอย่างที่อยากเป็น ทำได้ทุกอย่างที่อยากทำ ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งอย่างเท่าเทียมกับทุกคน

รับชมเพิ่มเติม

related