svasdssvasds

ป้านอมผ่าตัดมา 39 ครั้ง รอดมะเร็งมา 40 ปี เพราะ "แมว"

ป้านอมผ่าตัดมา 39 ครั้ง รอดมะเร็งมา 40 ปี เพราะ "แมว"

"ป้านอม เลี้ยงแมว" ชื่อที่ชาวบ้านย่านวัดรางบัวเรียกหญิงใจบุญที่ทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อดูแลแมวจรจัดและรับอุปการะแมวไร้บ้าน แต่เบื้องหลังเธอต้องทนทุกขืกับโรคมะเร็งที่เบียดเบียนสุขภาพเธอมากว่า 40 ปี เธอรอดจากการผ่าตัดรักษามะเร็งถึง 5 จุดในร่างกายมา 39 ครั้งเพราะแมว

SHORT CUT

  • สัมภาษณ์พิเศษ "ป้านอม เลี้ยงแมว" ผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งมา 40 กว่าปีและผ่าตัดรักษามาแล้ว 39 ครั้ง
  • เธออยู่รอดได้เพราะกำลังใจจากแมว เธอดูแลแมวอยู่กว่า 50 ตัว และเชื่อว่าแมวแบ่งชีวิตมาให้เธอมีอายุยืน
  • คุณค่าในชีวิตเธอคือการเลี้ยงแมว และอยากให้ทุกคนมีกำลังใจ ไม่ท้อที่จะมีชีวิตเพื่อสิ่งที่รัก แต่ไม่ต้องกลัวตาย

"ป้านอม เลี้ยงแมว" ชื่อที่ชาวบ้านย่านวัดรางบัวเรียกหญิงใจบุญที่ทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อดูแลแมวจรจัดและรับอุปการะแมวไร้บ้าน แต่เบื้องหลังเธอต้องทนทุกขืกับโรคมะเร็งที่เบียดเบียนสุขภาพเธอมากว่า 40 ปี เธอรอดจากการผ่าตัดรักษามะเร็งถึง 5 จุดในร่างกายมา 39 ครั้งเพราะแมว

น.ส.จุไรวรรณ จิวยิ้น หรือป้านอม วัย 66 ปี อาศัยอยู่กับแมว 12 ตัวที่บ้านเช่าในซอยข้างหมู่บ้านกาสโต้ บ้านเลขที่ 36/1 หมู่ 7 ถนนเทอดไท แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพฯ สิ่งที่ชาวบ้านในระแวงนั้นเห็นเธอทำเป็นกิจวัตรในทุกเช้าเวลา 7.00 น. คือการปั่นจักรยานคันเก่าขนอาหารไปให้แมวที่วัดรางบัวเกือบ 40 ตัว และวัดทองธรรมชาติ บ้างในบางโอกาส ก่อนที่จะกลับมาให้อาหารแมวที่บ้านอีก 12 ตัว แล้วจึงเริ่มงานเก็บขวดและของเก่าขายเพื่อเอาเงินมาเป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าทำหมัน และซื้ออาหารแมว ร่างกายที่ดูไม่ค่อยแข็งแรงนักแต่กลับทำงานตั้งแต่เช้าจนเย้นกลายเป็นเรื่องชินตาของคนในระแวกนั้น เพราะทุกคนต่างรู้กันว่าเธอเป็นโรคมะเร็งที่ต้องไปให้คีโมหรือยาเคมีบำบัดอยู่บ่อยครั้ง และเพื่อนบ้านก็จะทำหน้าที่คอยดูแลแมวแทนเธอในยามที่เธอต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษา

ป้านอมเล่าให้ SPRiNG ฟังว่าเธอเป็นมะเร็งห้าจุดทั่วร่างกายทั้งมดลูก เต้านม ถุงน้ำดี ตับ และปอด ผ่านการผ่าตัดรักษามาแล้ว 39 ครั้ง หมดเงินรักษาไปนับล้านบาท ทั้งบ้าน ที่ดินที่ดอนเมืองและที่ดินที่พัทยา ถึงแม้ว่าเธอจะต้องมาเป็นคนยากไร้ที่ต้องเช่าบ้านอยู่ แต่เธอไม่เคยนับว่าทุกวันนี้หมดเงินไปกับแมวเท่าไร รู้แค่ว่าถ้าไม่มี เธอขอเป็นคนอดเองเพื่อให้แมวได้กิน เงินที่ได้จากการขายของเก่าทุกวันอังคารและวันพฤหัสบดีที่ตลาดนัดวัดรางบัว เหลือจากการบริจาคเป็นค่าน้ำค่าไฟวัดและค่าอาหารแมวแล้ว เธอก็จะเอาไปซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและไข่ไก่เอาไว้กินในตอนที่ไม่มีอะไรกิน เธอบอกว่าสำหรับอาหารแมวไม่เคยขาดบ้าน ถึงไม่มีก็ต้องไปหามาซื้อไว้ให้จนได้ แมวต้องไม่อด  

จุไรวรรณ จิวยิ้น

อยู่กับมะเร็งมา 45 ปี หมดตัวทั้งบ้านและที่ดิน

เมื่อปี พ.ศ. 2522 ตอนอายุ 21 ปี เธอมีอาการปวดท้องและมีเลือดออก แต่ในยุคที่วิทยาการทางการแพทย์ยังไม่ก้าวหน้า เธอจึงรักษาตามอาการมาเป็นเวลาร่วมปี จนสุดท้ายทนความเจ็บปวดไม่ไหวต้องไปรักษาในโรงพยาบาลใหญ่จนพบว่าเป็นมะเร็งปากมดลูก และเข้ารับการรักษาจนอาการหายไปชั่วคราว 

ผ่านมาจน พ.ศ. 2551 พบว่าตัวเองเป็นมะเร็งเต้านม แต่ตอนนั้นมีโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ทำให้เธอสามารถรักษาตัวได้แม้จะไม่มีเงินเหลือมากมายนัก แต่มะเร็งก็ลุกลามไปที่ตับ ถุงน้ำดีและปอด รวมแล้วต้องผ่าตัดและเจาะปอดเพื่อให้คีโมไปทั้งหมด 39 ครั้ง ครั้งแรกที่เธอผาตัดใหญ่ หมอบอกว่าโอกาสรอด 20% แต่เธอก็กัดฟันสู้เพราะบอกว่าหมดเงินจากการรักษาเป็นเป็นล้านแล้วจะถอดใจได้อย่างไร เธอจึงยอมเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งในระหว่างการผ่าตัดเธอก็ฝันเห้นแมวจำนวนมากมาอ้อนเธอ และเมื่อตื่นมาพยาบาลก็บอกว่าเธอละเมอถึงแต่แมว แต่นั่นก็ทำให้เธอมีแรงเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อ เพราะคิดอย่างเดียวว่าถ้าหายดีก็จะกลับไปเลี้ยงแมว ถ้าไม่รอด แล้วแมวจะอยู่อย่างไร

หมอบอกเธอว่าวันนี้เธอรักษามาจนสุดทางแล้ว ตัวยาทั้งหมดในประเทศก็ได้รับหมดแล้ว บางอย่างเบิกโครงการ 30 บาทได้ บางอย่างเบิกไม่ได้เช่นเข้มที่ใช้เจาะปอดราคา 20,000 บาท เธอก็ต้องหาเงินมาซื้อเองหรือรับบริจาคเข็ม เพราะรายได้หลักของเธอคือการขายของเก่า และได้เบี้ยผู้สูงอายุ 600 บาทต่อเดือน แต่เธอก็ยังกัดฟันสู้รักษาตัวเพื่อมาดูแลแมว แม้จะต้องกินมอร์ฟีนวันละ 2 เม็ดเพื่อระงับอาการเจ็บปวดก็ตาม

"คนเรามันต้องตาย เราอย่าไปคิดถึงความตาย ทุกวันนี้อยู่กันแบบเพื่อน เราจะบอกเขาว่า อยู่ด้วยกันอยู่สงบๆ นะ อย่ารบกวนกันนะ ถ้ารบกวนมากๆ ฉันตายแกตายนะ ฉันเผาแกเผานะ"

แมวที่แก่ที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ของป้านอม

พบคุณค่าในชีวิตอีกครั้ง เพราะ "แมว"

ป้านอมเล่าว่า ในปี 2557 หลังจากหมดเนื้อหมดตัวไปกับการรักษามะเร็งและร่างกายอ่อนแอจนไม่สามารถไปทำงานเป็นผู้จัดการในโรงงานได้เหมือนเมื่อก่อน เธอจึงเลือกที่จะกลับมาอยู่บ้านเพื่อดูแลแม่ที่ป่วยติดเตียงอยู่ในขณะนั้น ระหว่างนั้นเธอก็ไปเจอกับลูกแมวที่ถูกคนเอามาทิ้งที่วัด เธอจึงอาสาเอามาป้อนนมจนมีชีวิตรอดและเอาไปคืนที่วัดตามคำขอของพระ ต่อมาก็มีแมวมาคลอดที่สวนหลังบ้าน แต่แม่แมวถูกงูกัดตาย เธอก็เก็บเอาลูกมาป้อนนมจนมีชีวิตรอด แล้วมาประกาศหาบ้านให้แมวผ่านเฟซบุ๊ก จนแมวเหล่านั้นมีคนมารับไปเลี้ยงหมดทุกตัว เธอจึงมีความคิดขึ้นมาว่า ตัวเธอแม้จะป่วย ทำงานเก็บของเก่าขาย แต่ยังมีประโยชน์ช่วยอนุบาลและหาบ้านให้แมวได้ หลังจากนั้นเธอจึงเริ่มเปิดรับให้คนเอาแมวเด็กมาให้เธออนุบาลและประกาศหาบ้านให้แมวเหล่านั้น หรือถ้าไปเจอแมวจรที่ไหนก็จะเอามาพยาบาลจนหายดีแล้วก็ประกาศหาบ้านให้แมว

เธอบอกว่าเธอมีความสุขที่ได้อยู่กับแมวเด็ก ได้เลี้ยงแมวเด็ก กลางคืนก็จะเอาแมวไปนอนด้วย แมวก็จะมาหอมมาเล่นด้วย ทำให้เวลาเธอไปโรงพยาบาลใจจึงคิดทุกครั้งว่า "ตายไม่ได้ ต้องกลับไปหาแมว" ป้านอมบอกว่าทำได้ว่าแม่ของเธอพูดไว้ก่อนเสียชีวิตว่า เธอจะอายุยืน เพราะเวลาช่วยเหลือแมวไว้หนึ่งตัว เขาก็จะแบ่งชีวิตให้หนึ่งชีวิต จากเก้าชีวิต เขาก็จะเหลือแปดชีวิต ยิ่งช่วยเยอะก็จะมีอายุยืนนาน 

"ใครเคยเห็นบ้างคนเป็นมะเร็งมา 44-45 ปี ยังอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ แต่สภาพไม่คล่อง เดินไม่คล่อง ต้องใส่ถุงเท้าเพราะเวลาอากาศเย็นก็จะเจ็บไปหมดทั้งตัว" 

เธอบอกว่าน้องชายเธอสองคนก็เสียชีวิตเพราะมะเร็ง แต่เธอเองยังมีชีวิตอยู่ ยังไปไหนมาไหนได้ ยังทำงานรับจ้างได้ เธอบอกว่าทุกวันนี้ตื่นมาก็คิดว่าจะไปหาดูแมวให้มีความสุข ไปเลี้ยงแมว ไปเล่นกับแมว แล้วกลับบ้าน เวลาเจอใครที่เป็นมะเร็งก็จะได้แนะนำเขาได้ว่าทำยังไงถึงเรายังมีชีวิตอยู่ได้

"ทุกวันนี้มีความสุขกับแมวและมีความสุขกับชีวิตที่เราทำดีที่สุดแล้ว ไม่เคยน้อยใจโชคชะตา คิดว่าเป็นมะเร็งก็แค่นี้เอง เอามองสิ่งที่มีความสุข อย่ามองสิ่งที่มองแล้วทุกข์"

ป้านอมกำลังเก็บขวดพลาสติกไปขาย

เมื่อถามว่า ถ้าพูดกับแมวรู้เรื่อง อยากจะบอกกับแมวว่าอะไร? ป้านอมตอบว่า "แม่รักหนูนะ ที่แม่อยู่ทุกวันนี้อยู่เพื่อหนูนะ ถ้าไม่มีหนูแม่คงท้อไปนานแล้ว" ป้านอมบอกว่าทุกวันนี้เธอทำประกันสังคมตามมาตรา 40 ไว้ ถามเสียชีวิตจะได้เงินค่าทำศพ 25,000 บาท เธอก็สั่งเสียหลานไว้ว่า ถ้าตายก็ให้พระสวดแล้วเผาเลย ส่วนเงินที่เหลือให้วัดกับเอาไว้ดูแลแมวเท่านั้นพอ และถ้าตายก่อนแมว ก็สั่งเสียไว้กับคนที่รู้จักไว้แล้วให้เอาแมวไปเลี้ยงต่อ ป้านอมยอมรับว่าเมื่อก่อนนอนร้องไห้ทุกคืนเพราะกลัวไม่มีคนมารับแมวไปเลี้ยงต่อ แต่วันนี้มีแล้ว หมดห่วงแล้ว และป้านอมยังทิ้งท้ายคนเราต้องไม่ท้อถอยที่จะมีชีวิตอยู่ แต่อย่าไปกลัวความตาย ปล่อยให้เป็นเรื่องธรรมชาติ หลายคนมักจะมองเธอเป็นตัวอย่างว่าป่วยก็ป่วย แต่ไม่ท้อ ทำงานหาเงินทุกทางเพื่อจะทำให้สิ่งที่เรายังมีชีวิตอยู่ เงินทองที่เคยมีเป็นล้าน แต่วันนี้ไม่มีเงินแล้วก็อย่าไปคิด คิดว่าถ้าตอนนี้มี 10 บาท เอากระสอบใส่ขวดไปขายเดี๋ยวก็จะมี 20 บาทแล้ว แบบนี้ดีกว่า...

"สู้สิคะ เรามีอะไรที่เรารัก เราก็ทำเพื่อสิ่งนั้น หรือไม่เราก็รักตัวเองสิ กว่าแม่จะเลี้ยงเรามาโต ถ้าแม่อยากให้มีชีวิตอยู่เราก็มีชีวิตอยู่ อย่าท้อ ใครบ้างที่ไม่ตาย ถ้าคนไม่ตาย ทุกวันนี้คงขี่คอกันอยู่ เพราะไม่มีที่จะอยู่ แต่ให้ไปเองตามเวลา อย่างป้าบางวันแทบจะไม่มีกิน แต่อยากอยู่เพื่อแมว มรดกที่ล้ำค่าที่มีตอนนี้คือเจ้ามาริโอ้ แพทริเซีย และดีอัพอัพ (ชื่อแมว)" ป้านอมพูดด้วยรอยยิ้ม

สุดท้ายเธออยากฝากไปถึงภาครัฐ อยากให้การทำหมันแมวและรักษาพยาบาลสัตว์เป็นสิ่งที่ราคาถูกและเข้าถึงได้

หากต้องการช่วยเหลือค่าอาหารแมวที่วัดรางบัวหรือแมวที่บ้านป้านอม ที่บัญชีธนาคารออมสิน เลขที่บัญชี 020176233466 ชื่อบัญชี จุไรวรรณ จิวยิ้น

related