จากอีเลียม-ยายแล่ม สู่เพลง 'มาเอากับพี่' เลิศ คันไถ เจ้าพ่อฮิปฮอปวัยเก๋า

SPRINGNEWS พาไปฟังเรื่องราวของ “จิรายุ ทองนุ่ม” หรือ “เลิศ คันไถ” นักร้องเพลงเพื่อชีวิต ขวัญใจคนยุค 80 -90 และเป็นผู้ร้องเพลง “ยายแล่ม” เวอร์ชันดั้งเดิม ก่อนที่นักร้องรุ่นใหม่ ลำไย ไหทองคำ จะนำมาร้องใหม่ จนเป็นเพลงที่มาแรงสุดๆ ใน TikTok

ซึ่งลุงเลิศ อดีตนักร้องนำวงคันไถ ในวัย 60 ปีผู้นี้ ได้ตัดสินใจ วางกีตาร์ สลัดลุคแบบบ้านๆ ในอดีต แล้วลุกขึ้นมาใส่สูท สวมแว่น เพื่อมาเป็นเจ้าพ่อเพลงฮิปฮอปวัยเก๋า พร้อมชื่อบอกตัวตนสไตล์ใหม่ “คันไถบอย (KANTAI BOI)” ที่ตอนนี้ ปล่อยผลงานออกมาแล้ว 5 เพลง ได้แก่ “คันไถบอย” “สต้าร์ไฟ” “มาเอากับพี่” “กาญจนบุรีทาว์” และ “คันไถบอยต้องไปต่อ”

ซึ่งทุกเพลงล้วนห้าวเป้ง แร็ปกระจายโดนใจวัยรุ่น และโชว์ความเก๋าของลุงเลิศ จนฉีกตัวตนเดิมออกไปไม่เหลือ และกลายเป็นสีสันใหม่ให้กับวงการดนตรีในบ้านเราไปแล้ว

อะไรที่ทำให้ชายอายุ 60 ผู้นี้ ไม่ยอมแก่แล้วแก่เลย แต่กล้าท้าทายสังขารตัวเองด้วยการลุกขึ้นมาร้องเพลงวัยรุ่น มาฟังเรื่องแนวคิดชีวิต และความท้าทายที่ลุงเลิศต้องเผชิญกัน

<ชีวิตต้องก้าวต่อไป>

“ผมคิดว่าชีวิตคนต้องเดินไปข้างหน้าตลอด มีอะไรที่เราต้องเรียนรู้ตลอด ต้องก้าวเดินต่อไปข้างหน้าตลอด นั่นคือประสบการณ์ชีวิต ยิ่งเราเรียนรู้ได้มาก ก็ยิ่งเป็นกำไรชีวิต

“จุดเริ่มต้นในวงการดนตรีของผม มาจากเพลงเพื่อชีวิต เพราะผมได้รับอิทธิพล มาจาก คำรณ สัมบุณณานนท์ ซึ่งเป็นยุคแรกๆ ที่ได้ฟังมา เพราะคุณพ่อชอบฟัง จากนั้นผมก็มาชอบเพลงของ หงา คารวาน และแอดคาราบาว ผมเลยมีไอเดีย อยากจะทำเพลงเพื่อชีวิตของตัวเองบ้าง จึงเริ่มแต่งเพลงและร้องเอง เพลงที่เป็นที่รู้จักของวงคันไถคือ อีเลียม ยายแล่ม สาวโรงงาน สาวบ้านเชียง ที่ไม่ว่าไปที่ไหน ก็ต้องร้องตลอด

“ทุกวันนี้ถึงจะไม่มีวงคันไถแล้ว ผมก็ยังอยากร้องเพลงเพื่อชีวิตต่อไป เพราะอยากบอกคนรุ่นหลังว่าเพลงเพื่อชีวิตไม่มีวันตาย แต่ถ้ามีความคิดใหม่ๆ หรือแนวเพลงใหม่ๆ เข้ามา ผมก็เปิดใจรับ พอมีค่ายเพลงมาถามผมว่า อยากหันมาร้องเพลงแนววัยรุ่นอย่าง ฮิปฮอป บ้างไหม ผมก็เอาเลย เพราะมันท้าทายดี และไอเราก็ร้องมาหลายแนวแล้ว ทำไมจะร้องแนวนี้ไม่ได้”

< แร็ปเปอร์ไม่ได้จำกัดอายุ อยู่ที่ใจล้วนๆ>

“หลังจากอ่านเนื้อเพลง และศึกษาดนตรีสมัยใหม่ ผมก็พบว่าเพลงฮิปฮอปประโยคมันเยอะ คำก็ติดๆ กัน และต้องใช้การร้องแบบกักลมหายใจ เพื่อให้พูดจนจบประโยคแบบไม่ขาดช่วง ซึ่งต่างจากเพลงเพื่อชีวิต ที่ใช้เสียงสูง ไม่ต้องกักลมหายใจมาก

“สารภาพว่าตอนแรก ก็แอบขำตัวเองอยู่เหมือนกัน และยังคิดอยู่ว่าจะรอดไหม แต่เมื่อเรารับงานเขามาแล้ว จะถอยไม่ได้ จากที่ชีวิตไม่เคยวิ่งออกกำลังกายจริงจัง ก็ต้องตื่นไปวิ่งทุกเช้า และระหว่างวันก็ต้องเป่าก้านมะละกอในน้ำ หรือเป่าหลอดกาแฟในแก้วน้ำ ให้มันน้ำมันปุดๆ ติดต่อกัน เพื่อดูว่าเรากักลมหายใจได้นานแค่ไหน

“นอกจากออกกำลังกาย ผมยังมีไอดอลเป็นนักร้องฮิปฮอปดูโอ้สูงอายุอย่าง “Pete and Bas” จากประเทศอังกฤษ โดยผมศึกษาเทคนิค และเก็บข้อมูลวิธีของพวกเขา แล้วจึงนำมาปรับใช้กับวิธีของตัวเองด้วย

“คนจากตลาดแถวบ้านเขาก็แปลกใจ ถามลุงเลิศทำอะไร ทำไมมาร้องเพลงแปลกๆ ผมก็ตอบว่าไม่ว่าผมจะทำอะไร ก็จะทุ่มเทเต็มที่ ไม่อย่างนั้นคนที่ให้งานเรามาจะเสียใจที่เราทำไม่เต็มที่

“หลังจากออกกำลังกาย และฝึกฝนอยู่เป็นเดือนๆ ผมก็มั่นใจ แล้วเข้าไปอัดเพลงที่สตูดิโอ ความท้าทายที่เจอตอนร้องท่อนแร็ปในห้องอัด คือ ต้องร้องให้ครบทุกจังหวโดยไม่ให้ลมหายใจมาขัด เหมือนเรานับ 1 2 3 4 แล้วไม่ครบ บางครั้งตกจังหวะที่ 2 บ้าง ตกจังหวะที่ 3 บ้าง ก็ต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นความยากที่ต่างจากเพลงเพื่อชีวิตมาก

“แต่ประสบการณ์ชีวิตของผม สอนว่า ถ้าเราตั้งใจ ไม่มีอะไรเกินความสามารถของเรา ให้มองว่าสิ่งนี้ต้องทำให้ได้ ถึงแม้มันจะยาก ผมคิดแบบนี้จึงผ่านมันมาได้”

<เพลงทุกแนว คือศิลปะที่สวยงาม>

"ผมไม่ได้มองว่า การผันตัวมาร้องเพลงแนวฮิปฮอป จะขัดกับอุดมการณ์เพื่อชีวิต เพราะทุกวันนี้ผมก็ยังรับงานร้องเพลงเพื่อชีวิตอยู่ เพียงแต่เราอยากลองทำอะไรใหม่ๆ ให้ชีวิตตัวเองบ้าง

"หากหัวใจของเพลงเพื่อชีวิต คือการพูดถึงชนชั้นรากหญ้า หัวใจของเพลงฮิปฮอปก็คือความสนุกสนาน ความบันเทิง ความห้าว ผมชอบมันตรงสามารถใช้คำที่เพลงเพื่อชีวิตใช้ไม่ได้ เช่น กู มึง ที่เป็นภาษาสมัยพ่อขุนราม ซึ่งวัยรุ่นเอามาใช้คุยกันแบบง่ายๆ แต่ดูตรงไปตรงมาดี

"ผมเปิดใจรับดนตรีทุกแนวเต็มที่ ไม่แน่นะ อนาคตข้างหน้าผมอาจจะมีเพลงฮิปฮอป ผสมเพลงเพื่อชีวิตก็ได้"

< ไม่ว่าจะแนวอะไร ความสุขอยู่ล่างเวที>

"ทุกวันนี้ ความสุขคือการขึ้นไปร้องเพลงบนเวที และเห็นคนข้างล่างเขาสนุกสนาน ยกไม้ยกมือ ทำท่าแร็ปตามเรา บางคนเป็นรุ่นลูกผม บางคนก็เป็นวัยกลางคน แต่ทุกคนมีความสุข นั่นก็เป็นความสุขของผมด้วย

"ผมไม่ได้หวังว่า จะต้องเป็นศิลปินดังค้างฟ้า หรือมีคนรู้จักมากมาย ขอแค่ร้องเพลงและยังมีคนฟัง ถึงแม้จะเป็นกลุ่มเล็กๆ ผมก็ภูมิใจ และมองว่าเป็นความสุขที่อิ่มมาก

"สุดท้ายผมคิดว่า ถึงตัวเองจะอายุ 60 แล้ว แต่ก็ยังทำประโยชน์ให้กับคนอื่นได้ตั้งมากมาย ผมว่านี่เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด และอยากให้คนรุ่นราวคราวเดียวกัน เปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต มีความฝันอะไรที่ยังค้างคาอยู่ ก็ออกไปตามหามัน ผมว่าชีวิตแบบนี้ มีคุณค่าที่สุดแล้ว"

ชมเพิ่มเติม

 

ขอบคุณภาพจาก :Sharp Studio

ติดตามผลงานของ เลิศ คันไถ ในนาม "KANTAIBOY" ได้ที่ #Studio 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

• 'นางบี' กัดฟันสู้เอาชนะความจนเพื่อครอบครัวพร้อมหน้า 
• "เล็ก Is More" SRIRAJAH ROCKERS "เติม" ไฟปลุกใจ ปรัชญาปรัชญี ดี เล็กแต่ทรงพลัง 
• ซีซิฟ ที่ ปิยบุตร กล่าวถึงคือใคร ทำไมเข็นหินขึ้นภูเขาอย่างไม่มีวันสิ้นสุด