Seachange 2030 เป็นกลยุทธ์ความยั่งยืนที่ ไทยยูเนี่ยน ผู้นำด้านอาหารทะเลระดับโลกใช้ เพื่อให้อาหารทะเลมีความยั่งยืน ท่ามกลางโลกที่ร้อนขึ้น
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านอาหารทะเลระดับโลกและผู้ผลิตอาหารทะเลคุณภาพสูง อร่อย ดีต่อสุขภาพและดีต่อโลก อยากบอกต่อกลยุทธ์ดี ๆ ที่จะทำให้ทะเลไทยยั่งยืนได้ ท่ามกลางวิกฤตโลกร้อนที่ทวีความรุนแรงขึ้น
มนุษย์กว่า 600 ล้านคนพึ่งพาทะเล ทะเลสร้างชีวิต สร้างอาชีพ และให้อาหารแก่มนุษย์ แต่วิกฤตการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ กำลังทำให้อุณหภูมิของทะเลสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำและระบบนิเวศโดยรวม
ด้วยเหตุนี้ ไทยยูเนี่ยน จึงได้สร้างกลยุทธ์ความยั่งยืนที่ชื่อว่า Seachange® ขึ้นมา เพื่อดำเนินกิจการภายใต้การดูแลสิ่งแวดล้อมทั้งบนบกและในน้ำอย่างยั่งยืน ซึ่งกลยุทธ์ Seachange มีทั้งหมด 11 พันธกิจ ซึ่งจะเป็นการดูแลกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำยังปลายน้ำให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
และอีกมากมายสารพัดกลยุทธ์ที่จะทยอยดำเนินการไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจว่า อุตสาหกรรมอาหารทะเลก็มีส่วนช่วยทำให้ทะเลไทยยั่งยืนได้ ซึ่งในขณะนี้ ไทยยูเนี่ยนกำลังเดินหน้าสู่ SeaChange® 2030 สู่ความยั่งยืนที่เป็นระบบมากกว่าเดิม การันตีได้จากการที่ไทยยูเนี่ยนได้รับการยอมรับจากนานาชาติ
จากผลการประเมินงานด้านความยั่งยืนปี 2565 บริษัทได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices: DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่เป็นปีที่ 9 ปีติดต่อกันและได้อันดับ 1 ในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารซึ่งไทยยูเนี่ยนเคยได้ในปี 2561 และปี 2562 และได้รับการจัดอันดับในดัชนี Seafood Stewardship Index (SSI) เป็นอันดับที่ 1 ในปี 2566
และปี 2566 ยังได้รับการจัดอันดับอยู่ใน S&P Global Sustainability Yearbook 2023 โดยมีคะแนนอยู่ในกลุ่ม 1 เปอร์เซ็นต์ที่คะแนนสูงสุด จากกว่า 7,800 บริษัทที่เข้ารับการประเมิน นอกจากนี้ในปี 2565 ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง