“ทิพานัน” ห่วงผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ อย่าลืมยืนยันรับสิทธิ “ลดค่าน้ำ-ค่าไฟ” ตามมาตรการเพิ่มกำลังซื้อของรัฐบาล หมดเขตก.ย.65 นี้ ยืนยันรับสิทธิได้ทั้งทางออนไลน์หรือติดต่อหน่วยงานโดยตรง ย้ำรัฐบาลจับมือทุกคนเดินหน้า มีมาตรการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มทุกกลุ่มแตกต่างกัน
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มี "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" หรือ “บัตรคนจน” ระยะที่ 5 วงเงิน 5,336.8304 ล้านบาท จำนวน 200 บาทต่อคน ในระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน-3ตุลาคม 2565 รวมทั้งสิ้น 400 บาทต่อคน
เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของผู้มีรายได้น้อยนั้น ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสามารถยืนยันการรับสิทธิลดค่าน้ำ-ค่าไฟได้ตามที่ ครม. มีมติเห็นชอบขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐด้วย
จึงขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐยืนยันรับสิทธิได้ทั้งทางออนไลน์หรือติดต่อหน่วยงานโดยตรงก่อนหมดเขตเดือนกันยายน 2565
น.ส.ทิพานัน ยังกล่าวต่อไปว่า รัฐบาลสนับสนุนค่าน้ำประปา วงเงินครัวเรือนละ 100 บาทต่อเดือน ในกรณีใช้เกิน 100 บาท แต่ไม่เกิน 315 บาท ยังคงได้รับการสนับสนุน 100 บาท โดยส่วนเกินต้องชำระด้วยตนเอง
ส่วนค่าไฟจะได้สิทธิใช้ไฟฟ้าฟรีไม่เกิน 50 หน่วย โดยจะได้รับเงินช่วยเหลือค่าไฟฟ้าประจำเดือนตามที่ระบุในใบแจ้งค่าไฟฟ้าแต่ไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อบิล กรณีที่ค่าไฟฟ้าเกิน 315 บาทจะไม่ได้รับสิทธิจากมาตรการนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สำหรับประชาชนที่ไม่มีสมาร์ทโฟนหรือไม่สะดวกทำผ่านระบบออนไลน์ สามารถติดต่อขอรับสิทธิ “ลดค่าไฟ” ได้ที่สำนักงานการไฟฟ้านครหลวง สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ
พร้อมทั้งแสดงบัตรฯ เพื่อยืนยันตัวตน เช่นเดียวกัน "ลดค่าน้ำ" สามารถติดต่อแจ้งรับสิทธิได้ที่สำนักงานการประปานครหลวง และสำนักงานการประปาส่วนภูมิภาค พร้อมทั้งแสดงบัตรฯ เพื่อยืนยันตัวตน
ผู้ที่จะยืนยันขอรับสิทธิทางออนไลน์ “ลดค่าน้ำ” ทำได้ผ่านเว็บไซต์การประชาส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง ส่วน "ลดค่าไฟ" ทำได้ผ่านเว็บไซต์ การไฟฟ้านครหลวง และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคพร้อมกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน หรือสามารถดูข้อมูลได้ที่ https://onntipanan.com/archives/28274
น.ส.ทิพานัน ยังกล่าวทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า รัฐบาลไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จับมือทุกคนเดินหน้า จึงได้มีมาตรการต่างๆ ออกมาช่วยเหลือทุกกลุ่มให้ตรงจุดที่สุด โดยมาตรการช่วยเหลือเยียวยาจะมีความแตกต่างกันไปตามความต้องการที่หลากหลายของแต่ละกลุ่ม