โลกโซเชียลแห่อาลัย “น้องอาย” นศ.แพทย์ ม.ขอนแก่น หลังถูกรถบัสชน

จากกรณีอุบัติเหตุรถทัวร์เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย และเสียชีวิต 1 ราย บริเวณสามแยกหน้าคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อวันที่ 10 ส.ค.65 ที่ผ่านมาได้ทราบชื่อของผู้เสียชีวิตคือ “น้องอาย” นศพ.อรุณนภา วัฒนพานิช นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะแพทยศาสตร์ ส่งผลให้โลกโซเชียลต่างแสดงความเสียใจและแห่ไว้อาลัย ให้กับ “น้องอาย” ด้านคนขับรถบัสถูกตำรวจเข้าควบคุมตัวสอบถามสาเหตุต่อไป

อย่างไรก็ตามด้าน "สโมสรนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น"  ได้ออกมาโพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า ทางสโมสรนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ขอแสดงความความเสียใจและร่วมไว้อาลัยแด่การจากไปของของ นศ.พ.อรุณนภา นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และจะมีพิธีรดน้ำศพในวันพฤหัสบดีที่ 11 ส.ค. 2565 ณ ศาลาพิธีกรรม คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• เปิดคลิปวงจรปิด "ขุน ชานนท์" ดาราชายขับรถชน หลังเพจดังแฉ ชนแล้วเงียบ
• กทม. ตีเส้นชะลอความเร็วก่อนถึงทางม้าลาย จุดเกิดเหตุบิ๊กไบค์ชน หมอกระต่าย
• รถตำรวจชนแล้วหนี คนขับอ้างเป็นต้อลม-รีบไปหาลูกป่วย โดนสอบวินัยเพิ่ม

ขณะเดียวกันทางเพจเฟซบุ๊กของ “ไม่ใช่หมอบ่น-aggressivenotdoctor” ได้โพสต์ข้อความไว้อาลัยความว่า

RIP ขอแสดงความเสียใจกับญาติน้องด้วยครับ และอยากให้ มข.พัฒนาจุดนั้น เพราะเกิดอุบัติเหตุบ่อยมากและอยากให้คณะแพทย์จัดหาหอพักที่ใกล้คณะ สามารถเดินทางไปกลับได้ สำหรับชั้นคลินิก โดยเฉพาะ extern ครับ

 โดยมีคนเข้าไปแสดงความเสียใจและไว้อาลัยให้กับน้องอายและครอบครัว ทั้งนี้ เพจดังกล่าวยังโพสต์อีกว่า มหาลัยใหญ่โต แต่ความปลอดภัยในการจราจรของนศ. ไม่มี

ทั้งนี้ด้าน พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น ได้ออกมาเปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุรถทัวร์และรถจักรยานยนต์ได้ขับขี่มาถึงบริเวณสามแยกคณะเภสัชศาสตร์ ในช่วงจังหวะที่รถทัวร์กำลังจะเลี้ยวขวา รถทัวร์ได้เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวจนล้ม และล้อรถทัวร์ได้เหยียบที่บริเวณศีรษะผู้เสียชีวิต ทำให้เสียชีวิตคาที่บริเวณจุดเกิดเหตุ และขณะนี้อยู่ในระหว่างการสอบปากคำคนขับรถทัวร์เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป

เรื่องนี้ทำให้ผู้คนในโลกโซเชียลพูดถึงความปลอดภัยในการขับขี่ การใช้ชีวิต และสลดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงจากเหตุการณ์อุบัติเหตุในครั้งนี้ก็ทำให้ประเทศเราได้สูญเสียว่าที่บุคคลากรทางการแพทย์ที่ไปอีกหนึ่งคน จากความประมาทในการขับขี่และใช้ถนนร่วมกัน