svasdssvasds

สิงคโปร์ ภายใต้ตระกูล ลี ที่ถูกตั้งคำถามเรื่องประชาธิปไตย

สิงคโปร์ ภายใต้ตระกูล ลี ที่ถูกตั้งคำถามเรื่องประชาธิปไตย

สิงคโปร์ ประเทศที่ผู้นำหลั่งน้ำตา สู่ประเทศพัฒนาแล้วภายใต้ตระกูล "ลี" กับการตั้งคำถามว่ามีระบอบประชาธิปไตยที่เสรีจริงหรือไม่

SHORT CUT

  • สิงคโปร์มีการปกครองโดยพรรคกิจประชาชน (PAP) อย่างต่อเนื่องยาวนานตั้งแต่ปี 1959 ภายใต้ระบบที่เรียกว่า "ประชาธิปไตยแบบมีระเบียบ" ซึ่งแม้จะมีการเลือกตั้ง แต่พรรค PAP ครองอำนาจอย่างเด็ดขาด และสื่อส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐ
  • การแยกตัวออกจากมาเลเซียในปี 1965 เป็นเหตุการณ์สำคัญในการก่อตั้งชาติสิงคโปร์ โดยภาพของลีกวนยู นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น หลั่งน้ำตา ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการเกิดใหม่ของประเทศ
  • สิงคโปร์กำลังจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 3 พฤษภาคม 2025 ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีลอว์เรนซ์ หว่อง ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัวลดลง และความไม่แน่นอนจากภายนอก เช่น ภาษีจากสหรัฐฯ

สิงคโปร์ ประเทศที่ผู้นำหลั่งน้ำตา สู่ประเทศพัฒนาแล้วภายใต้ตระกูล "ลี" กับการตั้งคำถามว่ามีระบอบประชาธิปไตยที่เสรีจริงหรือไม่

สิงคโปร์เป็นประเทศเล็กที่มีพื้นที่เพียง 728 ตารางกิโลเมตร แต่กลับกลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางเศรษฐกิจและโลจิสติกส์ที่สำคัญของโลก การเมืองของสิงคโปร์มีลักษณะเฉพาะที่โดดเด่น คือการปกครองโดยพรรคการเมืองพรรคเดียวมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่ถูกตั้งคำถามถึงความเป็นเสรีนิยมแท้จริง 

สิงคโปร์ ภายใต้ตระกูล ลี ที่ถูกตั้งคำถามเรื่องประชาธิปไตย

พัฒนาการทางการเมืองของสิงคโปร์ มีมาตั้งแต่การแยกตัวออกจากมาเลเซียในปี 1965 ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญที่สร้างภาพ "ลีกวนยูผู้หลั่งน้ำตา" จนถึงการยุบสภาฯ ล่าสุดในปี 2025 ที่อาจสะท้อนจุดเปลี่ยนและความท้าทายใหม่ๆ ของระบบการเมืองประเทศนี้
สิงคโปร์ ภายใต้ตระกูล ลี ที่ถูกตั้งคำถามเรื่องประชาธิปไตย

การแยกตัวออกจากมาเลเซีย จุดกำเนิดชาติ และน้ำตาของผู้นำ

วันที่ 9 สิงหาคม 1965 สิงคโปร์แยกตัวออกจากมาเลเซียอย่างเป็นทางการ หลังจากความขัดแย้งทางการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างพรรค PAP ของสิงคโปร์และพรรค Alliance ของมาเลเซีย นำไปสู่ความตึงเครียดทางเชื้อชาติและเหตุการณ์จลาจลในปี 1964 (National Library Board)

ลี กวน ยูคงรู้ดีว่ากำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก เพราะเกาะเล็กๆ อย่างสิงคโปร์ไม่มีทรัพยากรมากนัก แม้กระทั่งน้ำเปล่าเพื่อกินเพื่อใช้ยังแทบจะไม่มี

ในการแถลงข่าวประกาศการแยกตัว ลีกวนยู นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นถึงกับหลั่งน้ำตาและกล่าวว่า "สำหรับผม นี่เป็นช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวด..." ภาพนั้นกลายเป็นสัญลักษณ์ของการเกิดใหม่อย่างเจ็บปวดของชาติสิงคโปร์

สิงคโปร์ ภายใต้ตระกูล ลี ที่ถูกตั้งคำถามเรื่องประชาธิปไตย

ระบอบ “ประชาธิปไตยแบบมีระเบียบ” และการปกครองของพรรค PAP

แม้สิงคโปร์จะมีการเลือกตั้งทั่วไปตามครรลองประชาธิปไตย แต่ระบบการเมืองที่ลีกวนยูวางไว้มีลักษณะของ "ประชาธิปไตยแบบเผด็จการ" หรือที่นักวิชาการบางคนเรียกว่า "Soft Authoritarianism" โดยมีลักษณะเด่นดังนี้

พรรคเดียวครองอำนาจ ตั้งแต่ปี 1959 เป็นต้นมา พรรค PAP ชนะการเลือกตั้งทุกครั้ง และครองเสียงข้างมากในรัฐสภาเกือบทั้งหมด (The Diplomat)

ขณะที่ผู้นำฝ่ายค้านมักถูกดำเนินคดีหมิ่นประมาทหรือฟ้องร้องจนต้องล้มละลาย เช่น กรณีของ เจ.บี. จายารัตนัม (J.B. Jeyaretnam) และ เช ชูน ฮวน (Chee Soon Juan) 

สื่อส่วนใหญ่เป็นของรัฐหรืออยู่ภายใต้การควบคุมทางอ้อม ทำให้การวิพากษ์รัฐบาลเป็นไปอย่างจำกัด

ภายใต้ระบอบที่เข้มงวด สิงคโปร์สามารถขจัดคอร์รัปชัน สร้างระบบราชการมีประสิทธิภาพ และดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ จนกลายเป็น "เศรษฐกิจเสรีในกรอบปิด"

การเปลี่ยนผ่านหลังลีกวนยู ยุคของลี เซียนลุงและสงครามการค้า
หลังลีกวนยูวางมือจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 1990 บุตรชายของเขา ลี เซียนลุง (Lee Hsien Loong) รับตำแหน่งแทนในปี 2004 และดำเนินนโยบายต่อยอดจากบิดา แม้มีความพยายามเปิดกว้างทางการเมืองมากขึ้น แต่พรรค PAP ยังคงครองเสียงข้างมากอย่างเด็ดขาด

ในช่วงทศวรรษ 2010–2020 สิงคโปร์ต้องเผชิญกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ซึ่งกระทบต่อเศรษฐกิจฐานส่งออกของสิงคโปร์อย่างรุนแรง รัฐบาลต้องวางตัวอย่างระมัดระวัง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่การพึ่งพาทางเศรษฐกิจจากจีนทำให้เกิดการตั้งคำถามว่า สิงคโปร์ยังเป็น "ชาติอิสระทางการทูต" อย่างแท้จริงหรือไม่ (The Geopolitics)

การยุบสภาปี 2015 และสัญญาณเปลี่ยนผ่าน

ในเดือนเมษายน 2015 รัฐบาลสิงคโปร์ภายใต้ลี เซียนลุงประกาศยุบสภาอย่างไม่คาดคิด โดยให้เหตุผลว่า ต้องการ "รีเฟรชอาณัติจากประชาชน" ท่ามกลางเสียงวิจารณ์เรื่องค่าครองชีพ ปัญหาการแข่งขันจากแรงงานต่างชาติ และความไม่พอใจของคนรุ่นใหม่ที่เริ่มเรียกร้องเสรีภาพทางการเมืองมากขึ้น 

แม้การเลือกตั้งทั่วไปที่ตามมาจะยังคงนำ PAP ชนะอีกครั้ง แต่เสียงสนับสนุนพรรคฝ่ายค้านอย่าง Workers’ Party ก็เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ ซึ่งสะท้อนแรงกระเพื่อมทางการเมืองที่อาจหมายถึงจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงในอนาคต

สิงคโปร์ ภายใต้ตระกูล ลี ที่ถูกตั้งคำถามเรื่องประชาธิปไตย

ควมท้าทายของสิงคโปร์ในปี 2025 ภายใต้นายกฯ ลอว์เรนซ์ หว่อง

เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2025 สิงคโปร์ได้ประกาศยุบรัฐสภา เพื่อเปิดทางสู่การจัดการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พฤษภาคมนี้ การประกาศยุบสภาได้รับการอนุมัติจาก ประธานาธิบดีธาร์แมน แชนมูการัตนัม ตามคำแนะนำของ นายกรัฐมนตรีลอว์เรนซ์ หว่อง ซึ่งถือเป็นการเปิดกระบวนการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ โดยสำนักนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ระบุว่า วันเสนอชื่อผู้สมัครจะตรงกับวันที่ 23 เมษายนนี้

การเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นการทดสอบด้านคะแนนนิยมครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีลอว์เรนซ์ หว่อง ที่เพิ่งรับตำแหน่งผู้นำสิงคโปร์ต่อจาก ลี เซียน ลุง เมื่อเดือนพฤษภาคม 2024 นายหว่องจะนำ พรรคกิจประชาชน (PAP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ลงชิงชัยในการเลือกตั้งครั้งนี้

เป็นที่คาดการณ์ว่า พรรคกิจประชาชนค่อนข้างแน่นอนว่าจะครองเสียงข้างมากและชนะที่นั่งส่วนใหญ่ในรัฐสภา เหมือนเช่นที่เคยชนะในการเลือกตั้งทุกครั้งนับตั้งแต่สิงคโปร์ได้รับเอกราชในปี 1965 อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งครั้งนี้เกิดขึ้นในสภาพ แนวโน้มทางเศรษฐกิจที่ไม่สดใส โดยเมื่อวานนี้ สิงคโปร์ได้ปรับลดการคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจสำหรับปี 2025 ลงเหลือ 0-2% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 1-3% นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังเผชิญกับความไม่แน่นอนจากภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขู่เรียกเก็บภาษีจากสิงคโปร์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ

สื่อท้องถิ่นสิงคโปร์รายงานโดยอ้างอิงสำนักข่าวซินหัวว่า การจัดการเลือกตั้งทั่วไปจะมีขึ้นในวันที่ 3 พฤษภาคมนี้ หลังจากประธานาธิบดีธาร์แมน แชนมูการัตนัมได้ประกาศยุบสภาในวันอังคารที่ 15 เมษายน

นอกเหนือจากประเด็นการเลือกตั้งแล้ว ยังมีข้อมูลอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น การปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2025 ของสิงคโปร์อันเนื่องมาจากพิษภาษีสหรัฐ การเดินทางเยือน 3 ชาติอาเซียนของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง โดยเน้นย้ำถึงภาวะที่ไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้า รวมถึงข่าวการถึงแก่อสัญกรรมของอดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อับดุลลาห์ บาดาวี ซึ่งเรื่องดังกล่าวล้วนมีผลกระทบต่อการเมืองและเศรษฐกิจของสิงคโปร์ในยุคปัจจุบันไม่ใช่น้อย

สิงคโปร์ ภายใต้ตระกูล ลี ที่ถูกตั้งคำถามเรื่องประชาธิปไตย

ถึงแม้สิงคโปร์เป็นประเทศขนาดเล็กแต่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจและโลจิสติกส์ระดับโลก แม้จะมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แต่ลักษณะทางการเมืองที่โดดเด่นคือการปกครองโดยพรรคกิจประชาชน (PAP) พรรคเดียวมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1959 ซึ่งถูกตั้งคำถามถึงความเป็นเสรีนิยมอย่างแท้จริง

จุดเริ่มต้นสำคัญของชาติสิงคโปร์คือการแยกตัวออกจากมาเลเซียเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 1965 อันเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ รวมถึงความตึงเครียดทางเชื้อชาติ ภาพของลีกวนยู นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น หลั่งน้ำตาในการประกาศแยกตัว กลายเป็นสัญลักษณ์ของการเกิดใหม่ของชาติ

แม้จะมีการเลือกตั้งทั่วไป แต่ระบบการเมืองของสิงคโปร์ภายใต้การวางรากฐานของลีกวนยูมีลักษณะที่เรียกว่า "ประชาธิปไตยแบบมีระเบียบ" หรือ "เผด็จการแบบนุ่มนวล" โดยพรรค PAP ครองเสียงข้างมากในรัฐสภามาโดยตลอด ขณะที่ผู้นำฝ่ายค้านมักเผชิญกับการดำเนินคดีหมิ่นประมาท และสื่อส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐ ทำให้การวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเป็นไปอย่างจำกัด อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ก็ช่วยให้สิงคโปร์ขจัดการคอร์รัปชัน สร้างระบบราชการที่มีประสิทธิภาพ และดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ

หลังยุคของลีกวนยู บุตรชายคือ ลี เซียนลุง ได้สานต่อนโยบาย และแม้จะมีความพยายามเปิดกว้างทางการเมืองมากขึ้น แต่พรรค PAP ยังคงมีอำนาจอย่างเด็ดขาด ในช่วงปี 2010-2020 สิงคโปร์ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และการพึ่งพาเศรษฐกิจจากจีนทำให้เกิดคำถามถึงความเป็นอิสระทางการทูต

ในปี 2015 รัฐบาลภายใต้ลี เซียนลุงได้ยุบสภาโดยให้เหตุผลว่าต้องการ "รีเฟรชอาณัติจากประชาชน" ท่ามกลางเสียงวิจารณ์เรื่องค่าครองชีพและปัญหาอื่นๆ แม้การเลือกตั้งครั้งนั้น PAP จะยังคงชนะ แต่พรรคฝ่ายค้านอย่าง Workers’ Party ได้รับเสียงสนับสนุนเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์

ล่าสุด ในวันที่ 15 เมษายน 2025 ได้มีการประกาศยุบสภาอีกครั้ง โดยนายกรัฐมนตรี ลอว์เรนซ์ หว่อง ที่เพิ่งรับตำแหน่งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2024 เป็นผู้เสนอ และประธานาธิบดีธาร์แมน แชนมูการัตนัมเป็นผู้อนุมัติ การเลือกตั้งทั่วไปจะมีขึ้นในวันที่ 3 พฤษภาคม 2025 ซึ่งถือเป็นการทดสอบคะแนนนิยมครั้งแรกของนายกฯ หว่อง แม้จะคาดการณ์ว่า PAP จะยังคงชนะการเลือกตั้ง แต่สิงคโปร์กำลังเผชิญกับแนวโน้มทางเศรษฐกิจที่ไม่สดใส โดยมีการปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2025 ลง นอกจากนี้ ยังมีความไม่แน่นอนจากภายนอก เช่น การขู่เรียกเก็บภาษีจากสหรัฐฯ รวมถึงสถานการณ์ระหว่างประเทศอื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อสิงคโปร์

อ้างอิง

ต่างประเทศ / 101 / MGR / VisitSingapore / วงศ์พันธ์ อมรินทร์เทวา / SilpaMag / ThauPublica / BangkokInsight / Medium / 101 World / Academai /

related