"พริษฐ์" ซัด นายกฯ บริหารประเทศเหมือนการละคร ปูดสารพัดดีลลับ ไม่มีประชาชนในสมการ เปรียบ 'แพทองธาร' เป็ดง่อย ต้องรอ 'นายกฯคนพ่อ' ตัดสินใจ
วันนี้ 25 มีนาคม 2568 การอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยวานนี้ (24 มี.ค.) เมื่อเวลา 22.45 น.ที่ผ่านมา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายระบุว่า เข้าใจดีว่าเป็นความพยายามของ น.ส.แพทองธาร ที่จะชวนพวกเรานึกย้อนไปถึงภาพจำของรัฐบาลพรรคท่านในอดีต ที่เคยบริหารประเทศในช่วงเวลาที่คนจำนวนไม่น้อยอาศัยอยู่ในช่วงเวลาที่เป็นประชาธิปไตยกินได้ ผสมผสานเศรษฐกิจที่รุ่งเรือง การเมืองที่ยึดโยงกับประชาชน
แต่ภายในระยะเวลา 6 เดือนภายใต้การนำของน.ส.แพทองธาร ภาพจำดังกล่าวพังทลายลงไปเรียบร้อยแล้ว ประชาชนไม่มีกินอย่างไร จีดีพีของเรารั้งท้ายในอาเซียน ค่าแรงขั้นต่ำแตะ 400 บาทใน 4 จังหวัด 1 อำเภอ ราคาข้าวตกต่ำลดลงมา 30-50 เปอร์เซ็นต์ แม้นายกฯ จะสอบตกเรื่องเศรษฐกิจอย่างชัดเจน ซึ่งท่านก็สอบตกเช่นกันเรื่องการยกระดับประชาธิปไตย
หากย้อนกลับไปการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา วันนั้นมีการตกผลึกของสังคมและแปรเปลี่ยนออกมาเป็นพลังของประชาชนอย่างน้อย 70 เปอร์เซ็นต์ที่เข้าคูหาเลือกตั้งและลงโทษผู้นำที่สืบทอดมาจากเผด็จการ และมอบอำนาจให้พรรคฝ่ายค้านในตอนนั้นด้วยความคาดหวังว่ารัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะมีอำนาจที่เปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย และก็ไม่น่าเชื่อว่ามีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่มีความรู้สึกว่าประชาธิปไตยของบ้านเราในตอนนี้ไม่ได้ดีไปกว่าการนำของรัฐบาลก่อนหน้านี้ที่มีนายกฯ ที่เป็นคนก่อรัฐประหาร
หากวัดจากดัชนีประชาธิปไตยจะเห็นว่าประชาธิปไตยของเราบกพร่องจริงๆ โดยในปี 2567 ลดลงเหลือ 6.27 หรือหากวัดจากเสรีภาพทั่วโลกประเทศเราก็ถูกลดลำดับลง ตอนนี้อยู่ในหมวดหมู่ของการไม่มีเสรีภาพจากที่เคยอยู่ในหมวดหมู่มีเสรีภาพบางส่วน หากนายกฯ ไม่อยากใช้มาตรฐานสากล เราใช้ไม้บรรทัดของพรรคเพื่อไทยก็ได้ ซึ่งจะเห็นว่าตอนนี้ยังไม่ได้ก้าวขึ้นสู่บันไดสักขั้นเลย
อย่างไรก็ตาม คนที่ต้องรับผิดชอบมากที่สุดต่อความล้มเหลวดังกล่าว คือน.ส.แพทองธาร ที่จงใจทิ้งขว้างโอกาสที่ดีที่สุดในรอบ 20 ปีในการสร้างการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตย ในการเอาอำนาจที่ประชาชนมอบให้ไปแลกกลับผลประโยชน์ส่วนตัว ครอบครัว และเครือข่ายที่พึ่งพาการมีอยู่ของน.ส.แพทองธาร
ฉะนั้น การบริหารประเทศและการปฏิรูปการเมืองภายใต้การนำน.ส.แพทองธาร จึงเป็นเหมือนละครเรื่องหนึ่งที่มีชื่อว่า “รัฐบาลเพื่อไทยหัวใจคือประชาชน” มีทั้งหมด 5 ตอน โดยมีนายกฯ เป็นตัวละครหลักที่กำลังจะมุ่งสู่ความพังพินาศของระบบการเมืองไทย ทั้งนี้ ละครนี้อาจจะมีภาพ เสียง และเนื้อหาเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของผู้นำประเทศเรา โปรดใช้วิจารณญาณ
พฤติกรรมของนายกฯ ที่รวมกันตั้งรัฐบาลโดยอ้างว่าทำเพื่อประเทศชาติ แต่ไม่เคยเอาเรื่องนโยบายส่วนรวมเป็นตัวตั้ง และหากย้อนไปตอนตั้งรัฐบาลใหม่ๆ สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ที่พรรคการเมืองเหล่านั้นมาจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันได้เพราะไม่เอามาตรา 112 และพรรคก้าวไกลในขณะนั้น จนมาถึงสมัยของน.ส.แพทองธาร ก็ออกมาในรูปแบบเดิมคือพรรคการเมืองนั้นๆ ต่างออกมาบอกว่าไม่เอามาตรา 112
สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีที่เสแสร้งว่าต้องการผลักดันการปฏิรูปการเมืองแต่ไม่เคยออกแรงให้ได้เห็น เช่น การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่มีต้นกำเนิดมาจากรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 และทำให้กลไกปราบโกงมีความล่าช้าและอ่อนแอ ถูกแทรกแซงได้ เปิดช่องให้รัฐบาลกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สามารถฮั้วกันได้โดยใช้ตำแหน่งประธานรัฐสภาเป็นเครื่องมือ
นอกจากนี้ ยังทำให้อำนาจที่มาของสมาชิกวุฒิสภาไม่สมดุลกัน มีกระบวนการการเลือกสว.ที่พิสดาร ไม่ยึดโยงกับประชาชน และเอื้อต่อมหกรรมการโกงที่ทุกคนรู้มีเพียงแค่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ไม่รู้ รวมถึงรัฐธรรมนูญปี 2560 ยังทำให้เกิดการยุบพรรคการเมือง ตัดสิทธิ์นักการเมืองเป็นว่าเล่น ซึ่งกระทบต่อเสถียรภาพของการเมืองและทำให้ประชาชนต้องรับกรรมจากการมี น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ ทั้งที่ไม่ใช่ตัวเลือกแรกของประชาชนและไม่ใช่ตัวเลือกแรกของพรรคการเมืองที่ท่านสังกัดอยู่ ปัญหาเหล่านี้ ตนเชื่อว่านายกฯ จะรู้ดี แม้พรรคฝ่ายค้านจะเสนอทางออกว่าให้ทำประชามติแค่สองครั้ง แต่ท่านนายกฯ ก็ไม่เคยลงแรง มีแต่พรรคฝ่ายค้านที่พยายามจะทำ
นอกจากนั้น ยังเห็นได้ชัดจากการกลับลำของพรรคภูมิใจไทย นี่ถือเป็นการดีลอำมหิต ในการแจกไพ่พิเศษใบหนึ่งให้กับนายกรัฐมนตรี จากพรรคการเมืองหนึ่งไปออกคาสิโนในพื้นที่ และแจกไพ่พิเศษอีกหนึ่งใบไปให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจากอีกพรรคการเมืองหนึ่งไปออกใบอนุญาตคาสิโนออนไลน์ โดยไม่มีประโยชน์ของประชาชนอยู่ในสมการ และไม่มีการพูดคุยหาทางออกว่าจะทำอย่างไรในการปกป้องประชาชนชาวไทยอีกหลายล้านคนไม่ให้หลุดเข้าไปเป็นเหยื่อการพนันมากกว่าเดิม
สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีในการโยนบาปทั้งหมดให้กับพรรคร่วมรัฐบาล แต่กลับไม่ผลักดันวาระหลายวาระ ที่ตนทำให้สำเร็จเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อท่านเล่นละครไปสักพักประชาชนก็เริ่มดูออกโดยมุกประจำที่ท่านชอบใช้ คือการให้ที่ปรึกษาของท่านออกมาแต่งนิยายสามก๊ก ที่พยายามหลอกประชาชนว่าการเมืองไทยมีสามก๊ก
แน่นอนว่าก๊กแรกคือพวกตน พรรคฝ่ายค้าน และพยายามวาดภาพว่าภายในรัฐบาลของพวกท่านนั้นมีสองก๊กอยู่ด้วยกัน ก๊อกหนึ่งคือพรรคของท่านนายกฯ เป็นผู้ประเสริฐ กับอีกก๊กหนึ่งคือพวกที่เป็นผู้ร้าย อีกมุมอะไรดีๆ เป็นวาระก้าวหน้าที่รัฐบาลถูกสังคมกดดันจนต้องผลักดัน นายกฯ กับพรรคของท่านก็รีบออกมาเคลมบอกว่าเป็นผลลัพธ์จากความเก่งกาจของท่านในการโน้มน้าวอีกก๊กหนึ่ง ทั้งที่หลายครั้งความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นจากท่านและพรรคของท่านเลย
ซึ่งเป็นพฤติกรรมของนายกฯ ที่ชอบยกตนเองว่ามาจากประชาชน แต่กลับบั่นทอนทุกสถาบันทางการเมืองที่ยึดโยงกับประชาชน เช่น รัฐบาลที่กลายเป็นเป็ดง่อยไม่สามารถตัดสินใจอะไรด้วยตนเองได้ ต้องรอคำสั่งจากนายกรัฐมนตรีตัวจริง เมื่อนายกอยากรู้ว่าจะได้เงินหมื่นเฟสต่อไป เมื่อไหร่ก็มักจะไม่ได้คำตอบจากการให้สัมภาษณ์ของท่านนายกฯ คนลูก แต่มักจะได้ยินที่แรกจากคำพูดหรือบนเวทีปราศรัยของนายกฯ คนพ่อ นอกจากนี้ฝ่ายค้านได้ถามกระทู้สดน.ส.แพทองธาร แต่นายกฯ ตอบพวกเราแค่ 0 ครั้งต่อ 19 ครั้ง เวลาที่ท่านเข้ามาในสภาฯ ก็ทำเหมือนว่าฝ่ายค้านต้องซาบซึ้ง
ที่ท่านนายกฯ ชอบอ้างความถูกต้อง เมื่อตรวจสอบฝ่ายตรงข้าม แต่กลับปล่อยปละละเลยปัญหาคอร์รัปชัน ที่ไม่เคยได้เห็นจากนายกฯ แพทองธาร หรือแม้กระทั่งการออกกฏหมายในสภาฯ เพื่อสร้างความโปร่งใสท่านก็ไม่ทำ ย้ำว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลการละครที่ชอบอ้างความถูกต้องเอาหล่อเมื่อตรวจสอบฝ่ายตรงข้าม แต่กลับปิดตาข้างเดียวเมื่อไหร่ที่โคจรมาอยู่ฝ่ายเดียวกัน
“ความจริงแล้วละคร 5 ตอนดังกล่าวนั้น ไม่ได้แยกออกจากกัน แต่มีเส้นเลือดที่ตอกย้ำว่า ประเทศเรามีนายกรัฐมนตรีที่จงใจบริหารราชการแผ่นดินแบบสองมาตรฐาน เมื่อเป็นผลประโยชน์ส่วนรวมก็ทำอีกแบบหนึ่ง แต่พอเป็นผลประโยชน์ส่วนตัวก็จะทำอีกแบบ นายกรัฐมนตรีของรัฐบาลที่สามัคคีกันตอนเข้าสู่อำนาจ แต่กลับขาดเอกภาพในการผลักดันนโยบาย เป็นนายกรัฐมนตรีที่ปล่อยจอยกับนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ แต่ทุ่มสุดตัวกับนโยบายที่มีไว้หากิน เป็นนายกรัฐมนตรีที่เคลมความดีทั้งหมดไว้กับตัวเองแต่กลับโยนบาปให้กับคนอื่น เป็นนายกรัฐมนตรีที่สามารถทำให้สุขภาพของคนๆ หนึ่งแข็งแรงขึ้นได้ในพริบตา แต่กลับทำให้สถาบันทางการเมืองของประชาชน 60 ล้านคนต้องอ่อนแอลง นายกรัฐมนตรีที่อ้างความถูกต้องเมื่อตรวจสอบฝ่ายตรงข้าม กลับเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องที่อยู่รอบตัวท่านและรอบตัวครอบครัวท่าน" นายพริษฐ์ กล่าว
ฉะนั้น การเล่นละครของนายกฯ แพทองธาร ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากลับสร้างความเสียหายที่เลวร้ายต่อประเทศชาติและประชาชนมามากเกินกว่าที่พวกผมสามารถไว้วางใจให้ปฎิบัติหน้าที่ต่อไปได้ จึงขอวิงวอนไปยังเพื่อนสมาชิกว่า แม้ในวันที่ 26 มีนาคมที่จะมีการลงมติกัน ท่านจะไม่พร้อมใช้หนึ่งเสียงของท่านเพื่อลงโทษผู้นำที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการปฏิรูปการเมืองไทย แต่อย่างน้อยก็หวังว่าท่านจะใช้หนึ่งเสียงของท่านเพื่อปกป้องเกียรติยศและอาชีพตัวเองในการลงมติเพื่อสื่อสารกับประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดในประเทศนี้ว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนของนักการเมืองไทยในสายตาของประชาชน ในสายตาของประชาชนคมโลกไม่ควรจะไปตกอยู่กับบุคคลที่ไร้หลักการ ไร้ความสามารถและไร้ความจริงใจ ไร้ความรับผิดชอบต่อส่วนรวมที่ชื่อว่าแพทองธาร ชินวัตร
ที่มา : พริษฐ์ วัชรสินธุ - ไอติม - Parit Wacharasindhu
ข่าวที่เกี่ยวข้อง