SHORT CUT
"บุคคลในครอบครัว" ของนายกรัฐมนตรี ผุดแนวคิดกลางบรรยายที่มหาวิทยาลัยพิษณุโลก ซื้อหนี้ประชาชนออกจากระบบธนาคาร ปลดแบล็กลิสต์เครดิตบูโร
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและ "บุคคลในครอบครัว" ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปบรรยายเรื่อง ‘ประสบการณ์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของมวลชน’ ที่มหาวิทยาลัยพิษณุโลก ในวันที่ 17 มีนาคม 2568
โดยมีเนื้อความท่อนหนึ่งกล่าวว่า ได้ช่วยกันคิดกับนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ว่าทำอย่างไรหนี้สินคนไทยถึงจะหมดไปได้ เพราะวันนี้หนี้สินครัวเรือนเยอะเหลือเกิน จึงได้คิดกัน แต่ยังไม่ได้บอกว่าจะได้ทำ นั่นก็คือ เราจะซื้อหนี้ทั้งหมดของประชาชนออกมาจากระบบธนาคารดีไหม แล้วให้ประชาชนค่อยๆ ผ่อน ซึ่งไม่จำเป็นต้องชำระเต็มจำนวนจากนั้น ให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ยกออกจากเครดิตบูโร ให้เป็นคนบริสุทธิ์ผุดผ่อง ทำมาหากินใหม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ไม่ต้องใช้เงินรัฐสักบาท เพราะสามารถที่จะให้เอกชนลงทุน
"วันนี้รัฐบาลต้องหาทางเพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งไม่ใช่หน้าที่รัฐบาล แต่รัฐบาลจำเป็นต้องทำ จำเป็นต้องปลดภาระให้ประชาชนทำมาหากินได้ต่อไป ให้ประชาชนมีโอกาสใหม่ๆ เกิดขึ้น เพราะโอกาสมาแล้วก็ไป จะคว้าก็คว้าไม่ได้ เพราะหนี้เต็มหลัง เราต้องเอาหนี้ปล่อยวางไว้ แล้วขึ้นรถไฟโอกาสให้ได้"
นอกจากนี้ นายทักษิณ ยังขอเวลาให้รัฐบาลชุดนี้ทำงานต่อ อย่างมากอีกหนึ่งสมัย พรรคเพื่อไทยจะแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้หมด แต่อย่างน้อยอีกสองปีที่เหลือรับรองว่าจะบางเบาลงไป
พร้อมย้ำว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยทำได้ทุกเรื่อง แต่เวลามันยืดเนื่องจากเหตุการณ์มันเปลี่ยนไป อย่างเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตอีกไม่นานจะเข้าใจมากกว่านี้ เพราะตอนนั้นที่พูดกันว่าจะไม่กู้เพราะไปเข้าใจว่าไม่มีใครเข้ามายุ่งกับการบริหาร ก็จะออกเหรียญและให้ประชาชนใช้พร้อมกันทีเดียว แล้วเหรียญก็จะวนในระบบ แล้วรัฐบาลค่อยๆ ตั้งงบประมาณชดเชย และขณะเดียวกันเศรษฐกิจก็จะดี เก็บ VAT ก็ได้ มันก็จะใช้หนี้ตัวมันเอง แต่ปรากฏว่าธนาคารแห่งประเทศไทยมาบอกว่าไม่ได้ต้องมีเงิน ต้องตั้งงบประมาณ ผลสุดท้ายคือผิดแผนแต่ก็พยายามปรับปรุงแก้ไขจนได้แล้ว ต่อไปเทคโนโลยีดิจิทัลวอลเล็ตพี่น้องจะจำเหมือน 30 บาทรักษาทุกโรค จะเป็นกระเป๋าตังค์ของท่าน ท่านจะถูกเติมเงินในกระเป๋านี้โดยวิธีการต่างๆ เพราะฉะนั้นกระเป๋าดิจิทัลนี้จะเป็นอะไรที่อยู่กับท่านตลอดชีวิต แล้วท่านจะรู้ว่าเป็นความปรารถนาดีของพรรคเพื่อไทยจริงๆ
ทั้งนี้ นายทักษิณ ย้ำว่า แม้วันนี้คนยังมองไม่เห็น ว่าเราก็กำลังทำอะไรที่เป็นเรื่องสมัยใหม่และก้าวหน้า เพราะทำแบบโบราณมันเอาไม่อยู่จริงๆ พี่น้องเชื่อหรือไม่ว่าถ้าเปรียบเทียบเศรษฐกิจเหมือนบ้านเป็นฐานรากมันพัง คานคอดินทรุด มันซ่อมยากกว่าซ่อมหลังคา ตอนปีต้มยำกุ้งเป็นปีที่หลังคาพัง ซ่อมง่ายซ่อมเร็ว วันนี้ซ่อมยากขึ้นแต่ก็ต้องซ่อมเพราะเราไม่สามารถสร้างบ้านหลังใหม่ได้ต้องเอาหลังนี้ซ่อมจนได้ บังเอิญว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ มันเกิดขึ้นแทนที่จะไปขุดใหม่ก็สามารถเสริมได้ทำนองนี้คือเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพื่อให้การซ่อมแซมเศรษฐกิจประเทศไทยได้เร็วขึ้น
นายทักษิณ ยืนยันว่า กลับมาไม่เสียข้าวสุกแน่ เราพูดกันเหมือนพูดกับคนในบ้าน เราพูดกันได้ทุกเรื่อง มันจะหลุดออกไปก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ผมต้องการให้เน้นว่า ผมพูดกับคนในบ้านผมนะ เพราะฉะนั้นผิดนิดผิดหน่อยก็ขออภัยด้วย