SHORT CUT
เปิดหลักฐาน DSI ทำไมชงตั้งคดี "ฮั้วเลือก สว." เป็นคดีพิเศษ ออกแบบโพย-ทำงานร่วมคล้ายองค์กรอาชญากรรม! ด้าน "สว.กลุ่มใหญ่" ขยับล่ารายชื่อถอดถอน "ทวี สอดส่อง" พ้นรัฐมนตรี
จับตา 25 ก.พ. 2568 นี้ จะมีการประชุม "คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.)" เพื่อพิจารณาว่าจะรับคดี "ฮั้วเลือก สว." เป็นคดีพิเศษหรือไม่ หลังมีผู้สมัคร สว.-ผู้เสียหาย ยื่นให้ DSI ตรวจสอบขบวนการจัดตั้งระบบเลือก สว.ที่ไม่โปร่งใส จากนั้น DSI ได้สอบสวน ทั้งการสอบพยานบุคคล-ตรวจหลักฐานดิจิทัล-เอกสารหลักฐาน
หลังผ่านการคัดเลือกระดับจังหวัดแล้ว ขบวนการมีรูปแบบ "คณะบุคคล" จัดตั้งเครือข่ายฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ และ พรป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.
นอกจากนี้รายการข่าวค้นคนข่าว ตรวจสอบเพิ่มเติมพบ
ขณะที่ สว.กลุ่มใหญ่ แสดงออกตอบโต้ประเด็นนี้แล้ว ล่าสุด พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 จะเดินหน้าเอาผิดต่อผู้กล่าวหาทั้งรัฐและเอกชน ฐานทำให้ สว.เสียหาย ถูกเข้าใจผิด กรรมาธิการที่เกี่ยวข้องจะเชิญหน่วยงานชี้แจงข้อกล่าวหา "อั้งยี่ซ่องโจร" เพราะเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรง
และจะมีการเข้าชื่อเสนอให้ประธานวุฒิสภาส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย "ถอดถอนรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง" จะเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติหรืออภิปรายไม่ไว้วางใจฝ่ายบริหารที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เมื่อถามว่าจะอภิปราย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กำกับดูแล DSI คนเดียวหรือไม่ พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า เป็นรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และต้องดูด้วยว่าใครอยู่เบื้องหลัง!
ต้นเดือน ก.พ. 68 DSI มีหนังสือถึง กกต. ขอความเห็นดำเนินคดีตามคำร้อง เพื่อขอให้ กกต.มอบอำนาจให้สอบสวนคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้ง แต่ กกต.ตอบกลับมาว่ายังไม่พิจารณามอบอำนาจให้ DSI เพราะไม่มีหลักฐานว่า DSI รับเรื่องไว้พิจารณาแล้วหรือไม่ จึงยังไม่เสนอให้ คณะกรรมการ กกต.พิจารณา
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งกำกับดูแลดีเอสไอ เห็นว่า กกต.มีอำนาจเต็มในการตรวจสอบการกระทำผิดเกี่ยวกับกระบวนการเลือก สว. ซึ่งเป้นไปตาม พ.ร.ป.การได้มาซึ่ง สว. แต่ก็จำกัดเฉพาะความผิดเกี่ยวกับการคัดเลือกเท่านั้น ไม่ว่าจะทุจริต จ่ายเงิน ล็อกเป้า ทำโพย หรือตัวเองไม่มีคุณสมบัติ แต่มาลงสมัคร
แต่ความผิดที่เป็น “ความผิดอาญา” เช่น อั้งยี่ ความทางความมั่นคง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 หรือ ความผิดฐานฟอกเงิน เป็นอำนาจหน้าที่ของ ดีเอสไอ แน่นอน
ล่าสุดมีข้อโต้แย้งในเรื่องนี้ โดยยก พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง มาตรา 49 มายืนยันอำนาจของ กกต. ว่ามีอำนาจเต็มในการสืบสวนสอบสวนการกระทำผิดเกี่ยวกับกระบวนการคัดเลือก สว.ทั้งหมด ทุกฐานความผิด ยกเว้นว่า กกต.จะมอบหมายให้องค์กรผู้บังคับใช้กฎหมายองค์กรอื่นดำเนินการเท่านั้น
“เมื่อความปรากฏต่อคณะกรรมการ (กกต.) ว่าหน่วยงานของรัฐหรือพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องการกระทำความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองไว้พิจารณา และคณะกรรมการเห็นว่าเป็นการสมควรที่คณะกรรมการจะดำเนินการเองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ให้คณะกรรมการมีหนังสือแจ้งให้หน่วยงานของรัฐหรือพนักงานสอบสวนนั้นโอนเรื่องหรือส่งสำนวนการสอบสวนเกี่ยวกับการกระทำความผิดนั้นมาให้คณะกรรมการเพื่อดำเนินการต่อไป…ในกรณีเช่นนี้ให้หน่วยงานของรัฐหรือพนักงานสอบสวนโอนเรื่องหรือส่งสำนวนการสอบสวนในส่วนที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองมาให้คณะกรรมการภายใน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งดังกล่าว” ความใน ม.49 พรป.กกต.
ฉะนั้นก็ต้องรอลุ้นว่า ดีเอสไอจะเชื่อตาม พ.ต.อ.ทวี รับเป็นคดีพิเศษโดยไม่รอ กกต.ชี้ขาดหรือไม่ หรือว่าจะต้องเลื่อนการพิจารณาออกไป เพื่อรอดูท่าทีของ กกต.