ธีรรัตน์ ยันขายไฟฝั่งท่าขี้เหล็ก ไม่เกี่ยวขบวนการค้ายาเสพติดกลุ่มว้าแดง

วันที่ 12 ธันวาคม 2567 น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ตอบกระทู้ถามสดแทนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ สส.รังสิมันต์ โรม พรรคประชาชน ตั้งกระทู้ถามสดกรณีการขายไฟฟ้าให้แก่บริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด ของ กฟภ.แม่สาย และ บริษัท อัลลัวร์

นายรังสิมันต์ ระบุว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) อ.แม่สาย เป็นคู่สัญญาขายไฟฟ้าแก่บริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป ที่รับสัมปทานไฟฟ้าจากรัฐบาลเมียนมา ไฟฟ้าบางส่วนถูกขายต่อให้บริษัทหงปัง ที่เป็นเครือข่ายกลุ่มว้าแดง ไปใช้ผลิตยาเสพติด โดยบริษัทอัลลัวร์ จ่ายเงินค่าไฟฟ้าแก่กฟภ.แม่สาย ผ่านบัญชีม้า 250 บัญชี มีอย่างน้อย 16 บัญชี ที่ ศาลไทยเชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับกระบวนการค้ายาเสพติด กลุ่มว้าแดง เป็นไปได้มากว่า ยาบ้าที่มีมากขึ้นในประเทศไทยมาจากการใช้ไฟฟ้าที่ กฟภ.แม่สาย ขายไฟให้กลุ่มว้าแดง นำไปผลิตยาบ้าแล้วนำกลับมาขายในประเทศไทย

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ล่าสุดจะมีการตั้งบริษัทรายใหม่มาเป็นคู่สัญญา ซื้อขายไฟฟ้ากับกฟภ.แม่สาย แทนบริษัท อัลลัวร์ฯ แต่บริษัทใหม่พบว่า มีทุนจดทะเบียนแค่ 2.5 ล้านบาท ผู้ถือหุ้น 2 คน คือ คนแรกเป็นชาวเมียนมา ถือหุ้น 49% อีกคนเป็นคนไทยชื่อ น.ส.พิมพ์ อายุ 27 ปี ถือหุ้น 51% น่าแปลกที่คู่สัญญาใหม่ที่ต้องดีลทั้งรัฐบาลเมียนมา กลุ่มว้าแดง และ กฟภ.แม่สาย เป็นแค่ผู้หญิงอายุ 27 ปี ที่ไม่เคยมีความเกี่ยวข้องกับการขายไฟฟ้า เรียนจบนิติศาสตร์ และเคยเป็นทนายความให้ผู้ต้องหาคดีฟอกเงินรายหนึ่ง และที่ตั้งบริษัทคู่สัญญาใหม่นี้้เป็นสถานที่เดียวกับสำนักงานทนายความที่ว่าคดีให้นายตุนมินลัต จึงน่าคิดว่าเป็นบริษัทนอมินีหรือไม่

ด้าน น.ส.ธีรรัตน์ ตอบกระทู้ ระบุว่า กฟภ.ได้ทำสัญญาซื้อขายไฟกับประเทศเพื่อนบ้าน 3 ประเทศ ได้แก่ เมียนมา กัมพูชา และลาว โดยอยู่บนเงื่อนไขว่าประชาชนในประเทศจะต้องมีไฟฟ้าใช้อย่างเพียงพอก่อน การซื้อไฟฟ้าเป็นแบบ G to G และบริษัท อัลลัวร์ เป็นผู้ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลเมียนมา สาเหตุที่มีการจ่ายเงินค่าไฟแก่ กฟภ.แม่สาย ผ่านบัญชีแทนการจ่ายเช็คเนื่องจากสถานการณ์โควิด19 มีการปิดด่าน จึงต้องปรับเปลี่ยนวิธีจ่ายเงินเป็นการจ่ายผ่านบริษัทเอกชนรับแลกเปลี่ยนเงินก่อนจะมาจ่ายเงินให้ฝั่งไทย แต่การจ่ายไฟยังคงต้องเป็นไปตามปกติเพื่อมนุษยธรรม

กรณีดังกล่าว กฟภ.ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ประสานงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบบัญชีการซื้อขายไฟฟ้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติดหรือไม่ เมื่อพบว่าบัญชีเหล่านั้นเป็นบัญชีม้าหรือเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดก็จะนำฟ้องต่อศาล ศาลชั้นต้นได้ยกฟ้องในคดีนี้ เราจึงยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าบัญชีเหล่านี้เกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติดจริงหรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่ที่ยังไม่สามารถยุติการจ่ายไฟให้กับบริษัท อัลลัวร์ได้ เพราะบริษัทก็ไม่เคยผิดนัดการจ่ายค่าไฟแก่ กฟภ.แม่สาย

“การจะพิจารณาหยุดจ่ายไฟ เพื่อปิดสวิตซ์ค้ายา หรือยกเลิกสัญญา ต้องพิจารณาให้รอบคอบ เรื่องยาเสพติดเป็นเรื่องสำคัญ เป็นปัญหาที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนในส่วนของความมั่นคง เพื่อไม่ให้เกิดการสร้างปัญหาใหม่ ยืนยันทุกภาคส่วนทำงานเต็มที่ ไม่ได้นิ่งนอนใจ หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด ทุกหน่วยงานมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือดูแลประชาชน” น.ส.ธีรรัตน์ กล่าว