svasdssvasds

2 ผู้ต้องหาคดีตากใบออกนอกประเทศแล้ว ยังตามจับใครไม่ได้ขณะใกล้หมดอายุความ

2 ผู้ต้องหาคดีตากใบออกนอกประเทศแล้ว ยังตามจับใครไม่ได้ขณะใกล้หมดอายุความ

ตำรวจยอมรับ 2 ผู้ต้องหาคดีตากใบออกนอกประเทศไปแล้ว ส่งเรื่องตำรวจสากลตามจับ ทนายหวั่นชาวบ้านจะหมดศรัทธาในกระบวนการยุติธรรมไทย หากทุกฝ่ายปล่อยเวลาหมดอายุความ พรรณิการ์แนะแพทองธารพลิกวิกฤตเป็นโอกาส สางปมชายแดนใต้

SHORT CUT

  • กมธ.การกฎหมายเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามการดำเนินการตามหมายจับในคดีตากใบ ก่อนจะหมดอายุความ ในวันที่ 25 ต.ค.นี้
  • ตำรวจยอมรับมี 2 ผู้ต้องหาออกนอกประเทศไปแล้ว ยืนยันใช้ทุกวิธีในการพยายามตามจับอย่างเต็มที่ ไม่เลือกปฏิบัติ
  • พรรณิการ์ แนะรัฐบาลแสดงเจตจำนงทางการเมืองทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง คลี่คลายปมในใจคนชายแดนใต้

ตำรวจยอมรับ 2 ผู้ต้องหาคดีตากใบออกนอกประเทศไปแล้ว ส่งเรื่องตำรวจสากลตามจับ ทนายหวั่นชาวบ้านจะหมดศรัทธาในกระบวนการยุติธรรมไทย หากทุกฝ่ายปล่อยเวลาหมดอายุความ พรรณิการ์แนะแพทองธารพลิกวิกฤตเป็นโอกาส สางปมชายแดนใต้

วันที่ 9 ตุลาคม 2567 คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ประชุม“ติดตามความคืบหน้าหลังศาลประทับฟ้องและออกหมายจับ 14 จำเลยในคดีตากใบ” โดยจำเลยล้วนเป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมหน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส ต่อเนื่องถึงการขนย้ายผู้ชุมนุมไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 85 คน ที่คดีกำลังจะหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ หรืออีกเพียง 16 วันข้างหน้าเท่านั้น

 

ช่วงหนึ่งในการประชุม พ.ต.อ.รังษี มั่นจิตร ผู้กำกับการซักถาม 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนจังหวัดชายแดนใต้ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการติดตามตัวผู้ต้องหาตามหมายจับโดยการทำงานร่วมกับตำรวจและเจ้าหน้าที่อื่นที่มีอำนาจจับกุมทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายนเป็นต้นมา มีการเข้าค้นที่พักตามที่อยู่ทะเบียนบ้านของบุคคลในหมายจับทั้งหมดแล้ว แต่ไม่พบตัวเลยแม้แต่คนเดียว และยืนยันว่าได้ใช้ทุกเครื่องมือของตำรวจในการทำงานนี้อย่างไม่เลือกปฏิบัติ

2 ผู้ต้องหาคดีตากใบออกนอกประเทศแล้ว ยังตามจับใครไม่ได้ขณะใกล้หมดอายุความ

ยอมรับว่าตอนนี้มีผู้ต้องหาตามหมายจับ 2 คนออกนอกประเทศไปแล้ว โดยเดินทางออกไปตั้งแต่ก่อนศาลจะออกหมายจับ คนหนึ่งอยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และอีกคนอยู่ที่เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ตำรวจได้ทำเรื่องขอหมายแดงจากตำรวจสากล (Interpol) โดยยื่นต่อกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา และบุคคลอื่นๆที่ยังอยู่ในประเทศเป็นรายชื่อเฝ้าระวังติดตามจับกุมตามหมายจับถึงตำรวจตรวจคนเข้าเมืองแล้วด้วย

ช่วงหนึ่งในการประชุม น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว สส.พรรคประชาชน ที่เคยถูกดำเนินคดีทางการเมืองจะถามว่าได้มีการส่งชื่อเฝ้าระวังตั้งแต่ก่อนมีหมายจับไปยัง ตม. เหมือนที่ตนเองเคยโดนครั้งมีคดีจากการชุมนุมหรือไม่ ตำรวจระบุว่า ได้แจ้งผ่านหนังสือไปแล้ว แต่อยู่ที่ว่าเขาจะทำหรือไม่

 

ส่วนผู้ต้องหาที่ดูมีความหวังจะจับกุมได้ คือ เจ้าหน้าที่ทหาร 2 นายที่เป็นพลขับ ยังคงรับราชการอยู่ ปัจจุบันตำรวจได้ติดตามตัวทั้งที่พัก ที่ทำงานยังไม่เจอตัว และได้ประสานไปยังผู้บังคับบัญชาขอให้โน้มน้าวบุคคลทั้ง 2 มาแสดงตัวตามหมายจับให้ได้ แต่ทางด้าน น.ส.พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ หนึ่งในผู้ร้องกล่าวถึงประเด็นนี้ไว้ว่า “ไม่อยากให้สุดท้ายแล้ว พลขับในคดีนี้กลายเป็นแพะ มารับผิด ทั้งที่อาจจะเป็นบุคคลที่ไม่มีเจตนาและไม่มีอำนาจปฏิเสธคำสั่งผู้บังคับบัญชาในวันเกิดเหตุเลย หากจะเป็นทางออกนี้ กังวลอย่างมากว่าสังคมนี้จะอยู่ยังไง ผู้สั่งการลอยนวล คนผิดคือพลขับ”

ด้านนายอาดีลัน อาลีอิสเฮาะ ทนายความศูนย์ทนายความมุสลิม หนึ่งในผู้ร้อง กล่าวว่า หากในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ไม่ได้ตัวผู้ต้องหา จะเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก เพราะนอกจากทนายความต้องทำคดีทวงความเป็นธรรมแล้ว อีกหนึ่งหน้าที่สำคัญคือเราต้องสื่อสารกับชาวบ้านว่า ชาวบ้านต้องเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมเมื่อเกิดคดีขึ้น หลายครั้งเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่พยายามพูดว่า “ไม่ผิดกลัวอะไร ไม่ผิดก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมสิ” แต่กลายเป็นว่าในกรณีตากใบ คนตามหมายจับที่เป็นผู้บังคับบัญชาเองกลับไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ชาวบ้านจะเชื่อใครได้อีก

 

ด้าน น.ส.พรรณิการ์ วานิช ที่ปรึกษา กมธ.ความมั่นคง ที่ร่วมประชุมในวันนี้กล่าวเพิ่มเติมกับ SPRiNG ว่า คดีนี้กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งไม่ใช่เพราะต้องการโจมตีพรรคเพื่อไทยหรือการโจมตีทางการเมือง แต่เป็นเหตุการณ์ความรุนแรงที่ใหญ่และกระทบต่อจิตใจคนชายแดนใต้มากที่สุด รัฐบาลควรใช้โอกาสนี้แสดงเจตจำนงทางการเมืองเพื่อคืนความยุติธรรม พยายามอย่างมากที่สุดเพื่อนำตัวจำเลยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ผิดถูกให้ว่ากันในศาล

 

“จำเลยทั้งหมดคือเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำการให้เกิดเหตุนี้ จึงเป็นคดีที่รัฐบาลไม่สามารถหนีความรับผิดชอบได้ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลพรรคใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรื่องมาพ้องว่ารัฐบาลในวันเกิดเหตุและในวันที่คดีกำลังจะหมดอายุความ ดันเป็นรัฐบาลที่มาจากพรรคเดียวกัน ไม่พอยังมาจากครอบครัวเดียวกันด้วย เราจึงมองให้กว้างออกไปว่านี่คือความรับผิดชอบทางการเมืองของรัฐบาลในขณะที่เกิดเหตุและรัฐบาลในขณะที่คดีกำลังจะหมดอายุความ ต้องใช้โอกาสนี้คลี่คลายเรื่องที่ผิดให้ถูกให้ได้” พรรณิการ์ กล่าว

related