svasdssvasds

"ทักษิณ" ได้ประกันตัวคดี ม.112 ด้วยวงเงินห้าแสนบาท นัดตรวจหลักฐาน 19 ส.ค.

"ทักษิณ" ได้ประกันตัวคดี ม.112 ด้วยวงเงินห้าแสนบาท นัดตรวจหลักฐาน 19 ส.ค.

ศาลอาญาให้ประกันตัว "ทักษิณ ชินวัตร" ด้วยวงเงิน 500,000 บาท หลังจากอัยการสูงสุดส่งฟ้องฐานความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 112 และนัดตรวจพยานหลักฐานวันที่ 19 สิงหาคมนี้ ยึดหนังสือเดินทาง ห้าม "ทักษิณ" ออกนอกประเทศ

ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วางเงินประกัน 500,000 บาท โดยศาลกำหนดเงื่อนไข......

 ....ฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา

คดีความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อื่น ๆ แต่ส่วนใหญ่คดี ผู้ต้องหาจะถูกควบคุมตัวในชั้นสอบสวนของพนักงานอัยการ ดังนั้น กระบวนการส่งฟ้องต่อศาล จึงเป็นการฟ้องเบิกตัวซึ่งศาลฯ จะประสานกับราชทัณฑ์ ไม่ใช่การฟ้องส่งตัว เหมือนกรณีของนายทักษิณ ที่ได้รับการปล่อยตัวในชั้นสอบสวน

วันที่ 18 มิ.ย.ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญาได้นำตัวนายทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กรณีให้สัมภาษณ์กับเดอะโชซอนมีเดีย (The ChosunMedia) ของเกาหลีใต้เมื่อปี 2558 มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน มายื่นฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญา 

 

 

โดยคำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า ขณะเกิดเหตุในคดีนี้และในปัจจุบันประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดหรือจะกล่าวหาหรือจะฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยพระมหากษัตริย์ขณะเกิดเหตุคดีนี้คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ส่วนพระมหากษัตริย์รัชกาลปัจจุบันคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาล 10 เมื่อระหว่างวันที่  21-22 พ.ค.2558 เวลากลางวัน, ทั้งเวลากลางวันและเวลากลางคืนต่อเนื่องกันตลอดมา จำเลยกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องได้บังอาจร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์เป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามประมวลกฎหมายอาญา ด้วยการร่วมกันใช้อุปกรณ์ที่มีระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งสามารถเชื่อมต่อการทำงานเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์อื่นด้วยกันได้และอุปกรณ์ดังกล่าวได้มีการกำหนดคำสั่ง ชุดคำสั่ง และแนวทางปฏิบัติงานให้อุปกรณ์ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลโดยอัตโนมัติ แล้วโพสต์ข้อมูล ภาพ ข้อความ และตัวอักษร ที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ในสภาพที่ระบบคอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้ซึ่งตั้งค่าเปิดเป็นสาธารณะ ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ ลงในแอปพลิเคชัน YouTube กับแอปพลิเคชั่น Facebook ดังกล่าวผ่านระบบสัญญาณอินเทอร์เน็ตซึ่งเป็นสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) 

โดยจำเลยได้พูดให้สัมภาษณ์กับนักข่าวของสำนักข่าว Chosun Media ที่กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี เป็นภาษาไทย เมื่อวันที่ 20 พ.ค.โดยสำนักข่าว Chosun Media มีเว็ปไซต์ข่าว http//www.Chosun เพื่อใช้ในการเผยแพร่ข่าว และจำเลยกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องได้บังอาจร่วมกันนำคลิปวิดีโอถ้อยคำ การพูดให้สัมภาษณ์ของจำเลยในชื่อ " คลิป ทักษิณให้สัมภาษณ์ทิ้งบอม เบื้องหลัง ยืดอำนาจ อัดสุเทพ บิ๊กทหาร องคมนตรี "เผยแพร่ที่เว็บไซต์ YouTube โดยใช้ชื่อ unthttps:// www.youtube.com/watch?v=tar/yCmbvABgo โดยผู้ที่ใช้ชื่อว่า "news_vivความยาว 1.32นาที
และเผยแพร่ที่เว็บไซต์ facebook ชื่อบัญชี "หยุดดัดจริตประเทศไทย" ปรากฏตาม ur!: https://www.facebook.com/ stopfakethailand 2fref=ts อันเป็นการล่วงละเมิด หมิ่นประมาทดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ซึ่งประชาชนหรือบุคคลทั่วไปที่พบเห็นข้อมูล ข้อความ และตัวอักษรที่จำเลยได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวของสำนักข่าว Chosun Media ในกรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลีดังกล่าวเข้าใจว่าสื่อถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และเข้าใจว่าการยึดอำนาจ รัฐประหารเป็นเรื่องที่ทหารได้รับคำสั่งมาจากในวังพระมหากษัตริย์ออกมาช่วยในการทำรัฐประหารและอยู่เบื้องหลังการทำรัฐประหาร

ทั้งนี้ ราชอาณาจักรไทยมีการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ข้อความดังกล่าวเป็นการมุ่งทำลาย ดูหมิ่นด้วยการใช้ถ้อยคำหยาบคายต่อองค์พระมหากษัตริย์ด้วยความไม่เคารพต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นศูนย์รวมของศรัทธาและเคารพบูชาของประชาชนชาวไทยเป็นเหตุให้พระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 9 ทรงเสื่อมเสียพระเกียรติยศชื่อเสียงและเป็นการร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาไม่เคารพต่อองค์พระมหากษัตริย์ซึ่งอยู่ในฐานะที่ผู้ใดจะละเมิดไม่ได้ และเป็นการกระทำมิบังควรจาบจ้วงล่วงเกินดูหมิ่น หรือกระทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทต่อพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 9 โดยประการที่น่าจะทำให้พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 ทรงเสื่อมเสีย พระเกียรติยศ ชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง และทำให้ประชาชนเสื่อม ความเคารพศรัทธาต่อพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 9อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายเหตุเกิดที่ เมืองกรุงโซล สาธารณรัฐกาหลี และที่แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานครและทั่วราชอาณาจักร ต่อเนื่องเกี่ยวพันกัน

ในชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ระหว่างสอบสวน จำเลยไม่ถูกควบคุมตัวโดยได้รับอนุญาตให้ประกันตัวตลอดมาหากจำเลยยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวโจทก์ขอให้อยู่ในดุลยพินิจของศาล โดยจำเลยนี้เป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อม 9/2551 ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้จำคุก
4 ปี  โดยจำเลยจะพ้นโทษคดีดังกล่าว ในวันที่ 31 ส.ค.2567 ขอศาลนับโทษจำคุกของจำเลยในคดีนี้เรียงติดต่อกันกับโทษจำคุกของจำเลยในคดีอาญาดังกล่าวด้วย

ศาลพิจารณาเเล้วประทับรับฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำที่ 1860/2567 โดยศาลอ่านเเละอธิบายฟ้องให้จำเลยฟังเเล้วจำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดี

ทักษิณ มาตามนัดที่ศาลอาญา เลี่ยงพบสื่อ

เวลา 08.50 น. รถของนายทักษิณ เดินทางถึงศาลอาญารัชดา ซึ่งนายทักษิณ นั่งอยู่ในเบนซ์ ทะเบียน ธษ 267 และขับผ่านหน้าหน้าบันไดศาลจุดที่สื่อมวลชนปักหลักรอทำข่าวอยู่ เข้าไปบริเวณพื้นที่ควบคุมเฉพาะ ที่ตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 และเจ้าหน้าที่ศาล วางกำลัง และแผงกั้นปิดกั้นพื้นที่ไว้ ไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปภายใน

โดยรถของนายทักษิณ ขับเข้าไปหลังแผงกั้น และเลี้ยวซ้ายมุมตึก จากนั้นนายทักษิณได้ลงจากรถ และเดินเข้าไปบริเวณประตูเล็กด้านข้างของศาลอาญาทันที พร้อมกับคนติดตามจำนวนหนึ่ง และนายทักษิณมีการยกมือไหว้กับเจ้าหน้าที่ศาลด้วย ซึ่งจากการสังเกตุจะเห็นว่า นายทักษิณ สวมชุดสูท และสวมใส่แมสสีขาว สีหน้าท่าทางปกติ

จากนั้นเมื่อเข้าไปภายในศาล นายทักษิณ ก็ไปยังบริเวณห้องเวรชี้ ซึ่งเป็นห้องที่จำเลยในคดีไปรอขั้นตอนของศาลในกระบวนการตามขั้นตอนดารส่งตัวห้องในคดี ม.112 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ รวมถึงรอขั้นตอนการประกันตัว

ขณะเดียวกันลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งก็เดินทางมาให้กำลังใจนายทักษิณที่บริเวณหน้าศาลอาญารัชดาตั้งแต่ช่วงเช้า

อสส.ยืนยันศาลอาญาประทับฟ้อง คดี 112  “ทักษิณ”

ตามที่งานโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดแถลงเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2567 ว่านายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุด มีคำสั่งฟ้องพันตำรวจโทหรือนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง แห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 112 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 1 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 3, 14 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 มาตรา 8 นั้น

เวลา 08.56 น. นายวิพุธ บุญประสาท อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8ในฐานะหัวหน้าพนักงานอัยการที่ได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุด ให้เป็นผู้รับผิดชอบคตีได้ส่งฟ้อง พันตำรวจโทหรือนายทักษิณ ชินวัตร ต่อศาลอาญา ตามข้อกล่าวหาดังกล่าวข้างต้นเรียบร้อยแล้ว โดยศาลประทับ รับฟ้องไว้ตามหมายเลขคดีดำที่ อ.1860/2567 ซึ่งบัดนี้คดีได้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลอาญาแล้ว หากมีผลคืบหน้าทางคดีสำนักงานอัยการสูงสุดจะแจ้งให้ทราบต่อไป

ต่อมา นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลง กรณีที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้อง นายทักษิณชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ฐานร่วมกันหมิ่นประมาทดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 และ 112 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 41 และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ โดยในวันนี้ (18 มิ.ย.) อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 ในฐานะหัวหน้าพนักงานอัยการที่ได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุด ให้เป็นผู้รับผิดชอบคดี ได้ส่งฟ้องนายทักษิณ ต่อศาลอาญา ตามข้อกล่าวหาดังกล่าวข้างต้นเรียบร้อยแล้ว โดยศาลประทับรับฟ้องไว้ตามคดีหมายเลขดำที่ อ.1860/2567 ซึ่งคดีได้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลอาญาแล้ว และหากมีผลความคืบหน้าทางคดี สำนักงานอัยการสูงสุดจะแจ้งให้ทราบต่อไป

ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ทนายความของนายทักษิณ ได้ยื่นขอความเป็นธรรม โดยอ้างพนักงานสอบสวนที่ทำคดีถูกกดดันจากคณะรัฐประหาร หลังปี 2557 นั้น โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ยืนยันว่า จากการครวจสอบนั้น ไม่มี แต่การประกันตัวนั้น ตามถ้อยคำคำฟ้องได้ระบุให้เป็นไปตามดุลยพินิจของศาล 

โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ยังชี้แจงด้วยว่า เมื่อบุคคลใดถูกกล่าวหาคดีอาญาในชั้นสอบสวน ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ การปล่อยตัวชั่วคราว เป็นเงื่อนไขกฎหมายที่ต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือ จะต้องไม่ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ไม่หนี และไม่ทำให้เสียหายต่อความยุติธรรม 

ส่วนนายทักษิณ จำเป็นต้องมารายงานตัวต่ออัยการสูงสุดอีกหรือไม่นั้น โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ชี้แจงหลักปฏิบัติว่า ผู้ต้องหาไม่ว่ารายใด ได้รับการปล่อยชั่วคราว สัญญาประกันจะมีอยู่ตลอดเวลา จนกว่าศาลจะได้รับตัวต่อจากอัยการ เมื่อศาลประทับรับฟ้อง และอัยการได้ส่งตัว พร้อมคำฟ้องให้ศาลอาญาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยยืนยันว่า หากผู้ต้องหามาพบอัยการ เจ้าหน้าที่ก็จะนำตัวไปศาล หรือจำเลยสะดวกรอที่ศาล ก็สามารถไปที่ศาลได้ เช่นเดียวกับคดีความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อื่น ๆ แต่ส่วนใหญ่คดี ผู้ต้องหาจะถูกควบคุมตัวในชั้นสอบสวนของพนักงานอัยการ ดังนั้น กระบวนการส่งฟ้องต่อศาล จึงเป็นการฟ้องเบิกตัวซึ่งศาลฯ จะประสานกับราชทัณฑ์ ไม่ใช่การฟ้องส่งตัว เหมือนกรณีของนายทักษิณ ที่ได้รับการปล่อยตัวในชั้นสอบสวน 

ศาลยึดหนังสือเดินทาง "ทักษิณ" ห้ามออกนอกประเทศ

ศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่าจำเลยให้การปฏิเสธมาตลอด อายุมากได้รับการปล่อยชั่วคราวในชั้นสอบสวนมีที่พักอาศัยเป็นหลักแหล่งแน่นอน อยู่กับครอบครัวประกอบกับโจทก์ไม่คัดค้านการปล่อยชั่วคราว มีเหตุสมควรเชื่อว่าหากได้รับการปล่อยชั่วคราวระหว่างพิจารณาจำเลยจะหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น หรือขัดขวางการพิจารณาของศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยระหว่างพิจารณาโดยให้ตีราคาหลักประกัน 500,000 บาท

กับให้จำเลยวางหนังสือเดินทางยึดหนังสือเดินทางและหลักประกันทำสัญญาห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาลแจ้งสอตอมอทราบตรวจคือหลักประกันเมื่อสัญญาประกันสิ้นผลผูกพัน

related