”ชัยธวัช“ ลั่น ”ก้าวไกล“ เตรียมพร้อมเป็นรัฐบาลที่ดีที่สุดของประชาชน

นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวในงาน Policy Fest ครั้งที่ 1 ก้าวไกล Big Bang ว่า หมุดหมายใหม่ในการเมืองไทยหลังการรัฐประหาร 2549 และ 2557 ถือเป็นจุดสิ้นสุดความขัดแย้งของสีเสื้อเหลือง-แดง สีเสื้อไม่ได้หายไป แต่ผู้คนที่เคยสังกัดสีเสื้ออย่างเข้มเข้นต่างตระหนักได้ว่าเจตจำนงของชนชั้นนำ อาจไม่ได้ตรงกับตนเอง และการกลับมามีการเลือกตั้งไม่พอ แต่ต้องปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปกองทัพ และปฏิรูปสถาบันตุลาการ คนเสื้อเหลืองก็เห็นแล้วว่าการปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้งไม่มีจริง

ปัญหาของการเมืองไทยที่แต่ละฝ่ายให้ความสำคัญกันคนละมุม แท้จริงแล้วอาจจะมีรากฐานมาจากโครงสร้างสังคมแบบเดียวกัน เพราะที่ผ่านมาเหมือนตาบอดคลำช้าง ที่แต่ละสีรู้จักช้างกันคนละแบบ ทั้งที่สุดท้ายคือช้างตัวเดียวกัน การเมืองไทยจึงเปลี่ยนผ่าน มาสู่ยุคสมัยใหม่ระหว่างการเมืองของชนชั้นนำเพื่อชนชั้นนำ กับการเมืองของประชาชนเพื่อประชาชน ปฏิเสธไม่ได้ว่าการจัดตั้งรัฐบาลเป็นภาพของการเมืองชนชั้นนำอย่างโจ่งแจ้ง

การพิจารณาว่าผู้ต้องขังคนไหนป่วย ไม่ป่วย ป่วยมาก ป่วยน้อย หรือจะได้รับการส่งตัวไปรักษาที่ไหนอย่างไร จึงไม่ใช่เรื่องทางการแพทย์หรือทางวิทยาศาสตร์ และไม่ใช่เรื่องสิทธิทางกฎหมายที่ทุกคนพึงมีเสมอหน้ากัน แต่เป็นเรื่องสถานภาพทางสังคม นี่ยอมไม่ใช่เจตน์จำนงของพี่น้องประชาชนที่ออกมาเลือกตั้งอย่างล้นหลามในปี 2566

ประชาชนต้องได้รับความเสมอภาคเท่าเทียมต่อหน้ากฎหมาย

นายชัยธวัช กล่าวว่า การพิจารณาคดีของคนว่าผิดมากหรือน้อย หรือการควรได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องนิติรัฐที่ประชาชนต้องได้รับความเสมอภาคเท่าเทียมต่อหน้ากฎหมาย แต่เป็นเรื่องของสถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคม และขึ้นอยู่กับว่าคุณเป็นคนระดับใดหรือมีปัญหากับใคร บ่อยครั้งที่ระบบนิติรัฐแบบไทยๆ เป็นการโบยตีประชาชนเพื่อให้เห็นว่าบุญบารมีของคนไม่เท่ากัน ไม่ใช่สิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนที่พึงมี แต่เป็นการปกป้องอภิสิทธิ์ชน และไม่ใช่เจตจำนงของประชาชนที่ออกมาเลือกตั้งเมื่อปี 2566

ประชาชนต้องรอคอยว่าวันนี้ชนชั้นนำจะแสดงพระเดชหรือแสดงพระคุณ ขนาดของรัฐไทยใหญ่ขึ้นทุกปีและจำนวนข้าราชการประจำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ประชาชนมีอัตราการเกิดน้อยลง แทนที่เราจะทำให้รัฐเล็กลงและบริหารบ้านเมืองอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เรายอมให้มีการเลือกตั้ง แต่ไม่ยอมให้อำนาจที่มาจากการเลือกตั้งใหญ่กว่าอำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เรายังมีภาพรัฐซ้อนรัฐ รัฐสงเคราะห์ กดให้จนแล้วขนมาแจก ความเดือนร้อนของประชาชนเป็นเรื่องโรแมนติก คุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนกลายเป็นเรื่องฟุ่มเฟือยของรัฐ

การเลือกตั้งปี 2566 สะท้อนว่า การเมืองสิ่งเก่ากำลังจะตาย

นายชัยธวัช ยังเห็นว่า การเลือกตั้งเมื่อปี 2566 สะท้อนว่า การเมืองสิ่งเก่ากำลังจะตาย และสิ่งใหม่กำลังจะเกิด และสุดท้าย สังคมไทยในอนาคตจะเป็นอย่างไรนั้น ก็อยู่กับดุลยภาพใหม่ หรือฉันทามติ ระหว่างการเมืองของชนชั้นนำ กับการเมืองของประชาชนในช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญนี้ ซึ่งเป็นสภาพการณ์สถานการณ์ปัจจุบัน โดยที่พรรคก้าวไกล จะเป็นสะพานเชื่อมแห่งยุคสมัย เชื่อมสังคมไทยแบบเก่า และสังคมไทยแบบใหม่ และเชื่อมความฝัน ความหวัง และความเป็นจริง พร้อมยืนยันว่า พรรคก้าวไกล พร้อมก้าวไปกับประชาชนทุกคน เพื่อสถาปนาการเมืองของประชาชนเพื่อประชาชน พร้อมยอมรับว่า แม้พรรคก้าวไกล จะไม่ได้ดีพร้อมตั้งแต่วันแรก แต่ก็ได้เรียนรู้ และเติบโตขึ้นทุกวัน ทุกปี และใช้เวลาทำงานอย่างเต็มที่ในรัฐสภา เพื่อเข้าใจระบบงบประมาณ ระบบราชการ และกลไกบริหาร เพื่อเตรียมพร้อมเป็นรัฐบาลที่ดีที่สุดของประชาชนให้ได้ 

"ก้าวไกล" ขอบคุณผู้สนับสนุนทุกคน ในการสร้างประวัติศาสตร์การเมืองไทย

นายชัยธวัช ยังย้ำว่า ผลการเลือกตั้ง 2566 มีความหมายต่อพรรคก้าวไกล และขอบคุณผู้สนับสนุนทุกคนในการสร้างประวัติศาสตร์การเมืองไทย และแม้พรรคก้าวไกล จะไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่เสียงของประชาชนได้เปล่งออกมาชัดเจนว่า เพดานการเมืองแบบเดิมของไทยได้พังทลายลงจนหมดแล้ว และการเปลี่ยนแปลงใหญ่ผ่านระบอบประชาธิปไตยแบบการเลือกตั้งเป็นไปได้ และมีความหวังว่า การเปลี่ยนแปลงใหญ่ผ่านการเลือกตั้งเป็นไปได้ หากประชาชนร่วมแรงร่วมใจกัน

ดังนั้น ไม่ว่าจะอะไรเกิดขึ้น พรรคก้าวไกลจะทำงานอย่างหนัก เพื่อสร้างการระเบิดครั้งใหญ่ เพื่อปลดปล่อยศักยภาพสังคมไทย และปลดปล่อยความรู้สึกนึกคิดของประชาชน และปลดปล่อยการเมืองออกจากการเมืองของชนชั้นนำ และสถาปนาการเมืองของประชาชนเพื่อหาฉันทามติใหม่ เพื่อเชื่อมสังคมไทยแบบเก่า เข้าสู่สังคมไทยแบบใหม่ พร้อมขอให้ประชาชนก้าวไกล ก้าวไปด้วยกัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

• ชัยธวัช แนะรัฐสังคายนาสิทธิประกันตัว คลี่คลายคดีทางการเมือง ปม บุ้ง ทะลุวัง
• “ชัยธวัช” ยัน “ก้าวไกล” ต่อสู้เต็มที่ “ยุบพรรค” ไม่ใช่เรื่องต้องทำใจ
• "ชัยธวัช” แถลงยืนยัน แก้ม.112 ไม่ได้มีเจตนา "เซาะกร่อนบ่อนทำลาย"