svasdssvasds

ก้าวไกล ชี้ 3 ความเสี่ยง “ดิจิทัลวอลเล็ต” หากรัฐบาลยังดันทุรัง

ก้าวไกล ชี้ 3 ความเสี่ยง “ดิจิทัลวอลเล็ต” หากรัฐบาลยังดันทุรัง

“สส.ก้าวไกล” ชี้ 3 ความเสี่ยง “ดิจิทัลวอลเล็ต” หากรัฐบาลยังดันต่อ ขาดประสิทธิภาพรับมือวิกฤตอนาคต-หมดโอกาสยกระดับชนชั้นกลาง-เสี่ยงทุจริตคอร์รัปชัน ถามทำไมคนเงินเดือน 7 หมื่น ต้องมารับจ่ายหนี้ ทั้งที่ไม่ได้เงิน

SHORT CUT

  • ก้าวไกลเตือนรัฐบาลในความเสี่ยง 3 เรื่องที่จะเกิดขึ้น หากรัฐบาลยืนยันเดินหน้าดำเนินการโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
  • ความเสี่ยงกับวิกฤตในอนาคต หากวิกฤตจากความไม่สงบหรือเกิดภัยธรรมชาติรุนแรงในประเทศ ระเทศไทยจะประสบกับความยากลำบากในการเผชิญกับวิกฤต
  • แจกเงิน 5 แสนล้านบาทตามโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแต่เศรษฐกิจของไทยไม่ได้เติบโตตามที่รัฐบาลตั้งเป้า

“สส.ก้าวไกล” ชี้ 3 ความเสี่ยง “ดิจิทัลวอลเล็ต” หากรัฐบาลยังดันต่อ ขาดประสิทธิภาพรับมือวิกฤตอนาคต-หมดโอกาสยกระดับชนชั้นกลาง-เสี่ยงทุจริตคอร์รัปชัน ถามทำไมคนเงินเดือน 7 หมื่น ต้องมารับจ่ายหนี้ ทั้งที่ไม่ได้เงิน

นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวกรณีที่รัฐบาลยืนยันเดินหน้าดำเนินการโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ในฐานะที่ตนเป็นผู้บริหารธนาคารในระดับอาเซียน อดห่วงไม่ได้กับท่าทีรัฐบาลในโครงการนี้ จึงขอเตือนไปยังรัฐบาลในความเสี่ยง 3 เรื่องที่จะเกิดขึ้น

ความเสี่ยงเรื่องแรกคือ การเตรียมตัวกับวิกฤตในอนาคต ในขณะนี้ ทุกท่านทราบข่าวการเกิดวิกฤตการสู้รบ ไม่ว่าจะเป็นในยุโรป ตะวันออกกลาง และอีกหลายแห่งทั่วโลกขึ้น และถ้าโลกเกิดวิกฤตจากความไม่สงบขึ้น จนกระทบเศรษฐกิจในระดับโลก หรือหากเกิดภัยธรรมชาติรุนแรงในประเทศ เช่น ปี 2554 ขึ้นอีก ในปีนี้ หรือปี 2568 ประเทศไทยจะประสบกับความยากลำบากในการเผชิญกับวิกฤต มองว่าเราใช้จ่ายเงินเกินตัว

นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล

 

ถ้ามีการแจกเงิน 5 แสนล้านบาทตามโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแล้ว แต่เศรษฐกิจของไทยไม่ได้เติบโตตามที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้หรือเติบโตน้อย ความเสี่ยงของประเทศไทยในการรับมือวิกฤตเศรษฐกิจโลกหรือภูมิภาคที่อาจจะเกิดขึ้นจะทำได้ยาก รัฐบาลคงจะคาดหวังจากการเก็บภาษีมาเป็นรายได้ เพื่อรองรับวิกฤตเศรษฐกิจในอนาคตไม่ได้ เพราะหากเรามา ดูตัวเลขรายได้ของประเทศจากภาษี ประเทศไทยมีรายได้จากเก็บภาษีราว 13.7% เมื่อเทียบกับจีดีพี ซึ่งน้อยมากเพราะลดลงกว่าเมื่อก่อนที่อยู่ราว 17% ของจีดีพี เมื่อเทียบกับในประเทศพัฒนาแล้ว มีการเก็บภาษีได้ราว 35% ของจีดีพี 

“ท่านนายกฯ เองเพิ่งบ่นว่ากรมศุลกากรได้เก็บภาษีตามคนเมาถึง 1 แสนล้านบาท ดังนั้น จึงถือเป็นความเสี่ยงมากขึ้นของประเทศในการรับมือกับวิกฤตในอนาคต พูดง่ายๆ คือ เราใช้จ่ายเกินตัวแต่มีรายได้ต่ำ” นายจุลพงศ์ กล่าว

นายจุลพงศ์ กล่าวต่อว่า ความเสี่ยงเรื่องที่สอง คือการขาดงบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกมากของรัฐบาล เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรกรและคนชั้นกลาง คนยากจน และการช่วยเหลือเอสเอ็มอี หากเราไม่สามารถยกระดับเกษตรกรและคนยากจนขึ้นมาเป็นคนชั้นกลางได้ ประเทศไทยก็ไม่มีทางที่จะขับเคลื่อนด้วยคนชั้นกลางเหมือนประเทศอื่นๆ ที่เขาสามารถข้ามกับดักรายได้ปานกลางได้ และหากไม่สามารถเพิ่มสัดส่วนเอสเอ็มอีในจีดีพีให้มากขึ้น ประเทศไทยก็เดินหน้าต่อได้ยาก 

หากเป้าหมายของการแจกเงิน 5 แสนล้านบาทไม่สำเร็จ คือเศรษฐกิจไม่โตตามที่รัฐบาลคาดไว้ รัฐบาลนี้หรือรัฐบาลชุดหน้าก็จะไม่มีเงินมากพอที่จะดูแลคนยากจนและเกษตรกรได้ทั่วถึงอีกต่อไป ดูตัวอย่างง่ายๆจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อปลายปีที่แล้ว พบว่าเกษตรกรส่วนใหญ่ของประเทศไทยมีหนี้โดยเฉลี่ย 450,000 บาทต่อครัวเรือน ดังนั้น การแจกเงินตามโครงการดิจิทัลวอลเล็ตคนละ 10,000 บาท โดยห้ามไม่ให้ใช้ในการชำระหนี้ คงไม่ได้ช่วยเกษตรกร 

ความเสี่ยงเรื่องสุดท้ายคือการทุจริตคอร์รัปชัน ที่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของไทยยังมีช่องว่างเยอะมาก เช่น การจัดทำซุปเปอร์แอป ซึ่งรัฐบาลเพิ่งจะบอกว่าจะสร้างขึ้นใหม่นั้น ใครจะเป็นจัดทำ หากจะให้เอกชนเข้ามาทำ มีการจัดจ้างแล้ว หรือยัง ในเมื่อจะลงทะเบียนผู้ค้าในไตรมาส 3 คือเริ่มเดือนกรกฎาคมแล้ว หรือถ้ามีแล้ว ผ่านการประกวดราคาเมื่อใด  ระบบบล็อกเชนที่อ้างว่าจะใช้นั้นไม่มีคนกลาง เราตรวจสอบไม่ได้ว่าใครทำอะไร แล้วระบบที่รัฐบาลจะมาใช้กับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนั้น จะตรวจสอบได้หรือไม่ ความเสี่ยงการเกิดคอร์รัปชันจึงเป็นเดิมพันที่รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบ

นายจุลพงศ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ชาวบ้านเขาฝากมาถาม ว่ารัฐบาลกำหนดว่าคนที่ได้รับจากงานก็ต้องมีรายได้ต่ำกว่า 70,000 บาทต่อเดือนถึงจะมีสิทธิ์ได้รับการแจกเงิน ตัวเลขนี้มาจากไหน เราไม่เคยได้รับการอธิบายจากรัฐบาลเลย แล้วไม่รู้จะเปลี่ยนต่อไปอีกหรือไม่ ทำไมคนที่มีรายได้เกิน 70,000 บาท ต้องมารับจ่ายหนี้

จากนั้นได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสอบถาม โดยผู้สื่อข่าวถามว่า ในเงื่อนไขของรัฐบาล มีข้อสังเกตอะไรบ้าง นายจุลพงศ์ กล่าวว่า รัฐบาลเปลี่ยนเงื่อนมาโดยตลอด และในที่สุด เราก็ไม่รู้จะเปลี่ยนเงื่อนไขอีกหรือไม่ ตนกังวลว่าเงื่อนไขที่ออกมานั้น ร้านหาบเร่แผงลอบจะไม่ได้รับเหมือนตอนสมัยโครงการคนละครึ่ง 

ส่วนเงื่อนไขล่าสุดบอกได้หรือไม่ว่าโครงการนี้เอื้อนายทุน นายจุลพงศ์ กล่าวว่า มันทำให้โอกาสของร้านค้าขนาดเล็กที่มีน้อยอยู่แล้ว ตัดโอกาสลงไปมากขึ้น ตนไม่ขอพูดว่าเอื้อใคร เราควรจะดูร้านค้าขนาดเล็ก เมื่อวานตนผ่านร้านค้าขนาดเล็ก เห็นมีคิวอาร์โค้ดห้อยอยู่ แต่เราจะไม่เห็นแบบนี้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related