‘จิรัฏฐ์’ แจง ไม่ได้ปลอมแปลงเอกสาร ไม่หวั่นยังเดินหน้าตรวจสอบกองทัพ

หลังจากนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ใช้เวลารับทราบข้อกล่าวหาในข้อหาปลอมแปลงหรือใช้เอกสารราชการปลอม กรณีใบ สด.43 และให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น นานกว่า 2 ชั่วโมง

นายจิรัฏฐ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางกลับระบุว่า วันนี้ตนเองได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา และการนัดหมายของพนักงานสอบสวนในครั้งหน้านั้น ก็ยังไม่ทราบเพราะยังไม่มีการนัดหมาย และยังไม่ทราบว่าจะต้องมีการนำเอกสารอะไรมาให้เพิ่มเติมอีกหรือไม่ เพราะพนักงานสอบสวนยังไม่ได้ขอ ขณะเดียวกันยังไม่ทราบว่ากระบวนการต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับกระบวนกฏหมายและตำรวจ และยืนยันย้ำว่า ไม่ได้ใช้เอกสารปลอม รวมถึงยืนยันในความบริสุทธิ์ของตัวเอง

ส่วนกระบวนการตรวจสอบใบ สด. 43 ปลอมหลัง จากนี้จะมีการดำเนินการตรวจสอบอย่างไร นายจิรัฏฐ์ บอกว่า “กระบวนการดังกล่าวตรวจสอบไม่ง่าย ในเมื่อมีการเกณฑ์ทหารอยู่ ก็ต้องมีกระบวนการในการเรียกรับเงิน หากไม่มีการเกณฑ์ทหารก็จบ ไม่ต้องมามีการพิสูจน์ใบ สด.43 แบบนี้”

เมื่อถามย้ำว่า ในส่วนของนายจิรัฏฐ์ เองไม่ได้มีการจ่ายใต้โต๊ะใช่หรือไม่ นายจิรัฏฐ์ ระบุว่า หากเรื่องรายละเอียดขอจริงๆ  เพราะว่าอยู่ในกระบวนการแล้วไม่สามารถพูดอะไรได้ คิดว่าเดี๋ยวเจ้าหน้าที่คงบอกกับสื่อมวลชนเอง

เมื่อถามว่า ขณะนี้สังคมกำลังถกเถียงกันว่าใบ สด.43 ของนายจิรัฏฐ์ เป็นของจริงหรือไม่ และอยากให้ทั้งสองฝ่ายออกมาเปิดเผยข้อมูลทั้งหมด เพื่อให้เกิดความชัดเจน นายจิรัฏฐ์ บอกว่า ขึ้นอยู่ที่กองทัพ เห็นว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไร หากกล่าวหาว่าเอกสารของตนเป็นของปลอม ก็มองว่าควรต้องเอาเอกสารของตนเองไปดูก่อน ไม่ใช่ว่า มีการถ่ายรูปลงแล้วกล่าวหาว่าตนเองว่าใช้เอกสารปลอม ซึ่งมองว่ามันไม่แฟร์ และก่อนหน้านี้ทางกองทัพเองไม่เคย ขอเอกสารอะไรกับตน และไม่ได้รับการติดต่อ 

และก่อนหน้านี้ คณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ก็ได้เชิญกองทัพมาเพื่อขอดูตั้นขั้วใบ สด.43 เพื่อนำมาเปรียบเทียบพร้อมกันแล้ว ไม่ใช่ให้ต่างฝ่ายนำมากล่าวอ้างฝ่ายเดียว แต่ปรากฏว่ากองทัพไม่ได้เอาเอกสารมา แต่มาเพียงแค่ตอบคำถามว่าจะทำไมถึงจะฟ้องร้องตนเองเท่านั้น และไม่ได้บอกว่าเหตุใดถึงไม่ได้เอาเอกสารมาด้วย เพียงแต่ยืนยันว่าเอกสารของทางกองทัพนั้นถูกต้อง

เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่ทางกองทัพไม่ได้เอาต้นขั้วใบ สด.43 มาชี้แจง นายจิรัฏฐ์ ระบุว่า ก็เป็นสิทธิ์ของทางราชการ อีกอย่างกรรมาธิการฯ ก็ไม่ได้มีอำนาจ ไปสั่งการกองทัพได้อยู่แล้ว

เมื่อถามย้ำว่า สรุปแล้วต้นขั้วใบ สด.43 มีรายงานจากกองทัพว่าหรือเป็นต้นขั้วของนายนวรินทร์ สรุปแล้วเป็นของใครกันแน่ นายจิรัฏฐ์ ระบุว่า  ตอนนี้ตนยังไม่ทราบต้องรอกระบวนการสอบสวนก่อน และเชื่อว่าใช้เวลาไม่นานคงทราบ

นายจิรัฏฐ์ บอกเพิ่มเติมว่า หลังจากนี้ยังยืนยันจะเดินหน้าตรวจสอบกองทัพต่อไปอย่างแน่นอน โดยกฎหมายการยกเลิกเกณฑ์ทหารของพรรคก้าว จะเข้าสภาอีกประมาณ 1-2 เดือนนี้ ซึ่งตนเองก็คงจะได้พูดเรื่องนี้กันอย่างเต็มๆ 

เมื่อถามว่าการเอาประเด็นใบ สด.43 มาโจมตี นายจิรัฏฐ์ นั้นเพื่อเป็นการเบี่ยงเบนประเด็นยกเลิกเกณฑ์ทหารของพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า ตนเองโต้แย้งประเด็นและ พูดถึงปัญหาของกองทัพอยู่หลายครั้ง และมองว่ากองทัพควรตอบโต้ประเด็นที่ตนถามไม่ใช่มาตอบโต้เรื่องใบ สด.43 ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดี ของหน่วยงานราชการควรจะทำ ไม่เช่นนั้นก็ไม่ปฏิรูปสักที และหากว่าหน่วยงานราชการมีหน้าที่ตรวจสอบเอกสารที่ปรากฏในอินเตอร์เน็ตว่าปลอมหรือไม่ ก็จะทำให้เป็นเรื่องที่ยุ่งยาก เพราะเอกสารราชการในอินเตอร์เน็ตมีเป็นจำนวนมาก ซึ่งถ้าตรวจสอบต้องตรวจสอบทั้งหมด และหากไม่ตรวจสอบก็จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่กันหมด ซึ่งมองว่ามันไม่ใช่เรื่อง

เมื่อถามอีกว่า เรื่องนี้มองว่าเป็นการทำเป็นกระบวนหรือไม่  นายจิรัฏฐ์ ระบุว่า มั่นใจว่าทำกันเป็นกระบวนการ แต่เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพรรคก้าวไกล ไม่ว่า พรรคก้าวไกลจะทำอะไรมาก็ต้องโดนขุดอยู่ดี ซึ่งเรารับสภาพกันมาตั้งแต่เป็น สส.แล้วและเชื่อว่ามีขบวนการร่วมมือกันเพื่อดิสเครดิต แน่นอน เพราะว่า นโยบายของพรรคก้าวไกล ไปกระทบกับผลประโยชน์ของหน่วยงานราชการที่ได้รับอยู่