svasdssvasds

เปิดศึกสแกมเมอร์ ทำความเข้าใจร่างแก้ไข พ.ร.ก.ไซเบอร์ ฉบับใหม่

เปิดศึกสแกมเมอร์ ทำความเข้าใจร่างแก้ไข พ.ร.ก.ไซเบอร์ ฉบับใหม่

เมื่อวานนี้ (28 ม.ค. พ.ศ. 2568) แพทองธาร ชินวัตร เพิ่งประกาศเตรียมประกาศใช้ร่าง พ.ร.ก.ป้องกันและปราบปราม อาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. .. เพื่อตอบโต้สแกมเมอร์และกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติในประเทศเพื่อนบ้านของไทย

SPRiNG ชวนดูว่าร่างฉบับนี้มีอำนาจเพิ่มเติมอะไรบ้าง และเพิ่มอำนาจจากกฎหมายฉบับเดิมอย่างไร 

 

ร่างกฎหมายฉบับเดิม 

พ.ร.ก.ป้องกันและปราบปราม อาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 เริ่มใช้ครั้งแรกในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยให้อำนาจหน้าที่ ดังนี้ 

  • สถาบันการเงิน ผู้ประกอบธุรกิจ และเครือข่ายมือถือ ต้องเปิดเผยและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับภาครัฐ เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวไประงับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 
  • ถ้าธนาคารหรือภาคเอกชนพบเห็นการทำอาชญากรรม ให้ระงับการทำธุรกรรมไว้ไม่เกิน 7 วัน เพื่อแจ้งให้ภาครัฐสืบสวนดำเนินคดีต่อไป 
  • หากได้รับแจ้งกรณีอาชญากรรมไซเบอร์ ให้ธนาคารหรือภาคเอกชน ระงับธุรกรรมไว้ชั่วคราว 
  • การแจ้งร้องทุกข์สามารถทำได้ทุก สน. และสามารถทำได้ผ่านทางโทรศัพท์หรือออนไลน์ก็ได้ 
  • กำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ที่เปิดบัญชีม้าและซิมม้า 
  • กำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ที่ชักชวนหรือโฆษณาให้คนอื่นเปิดบัญชีม้าและซิมม้า

ร่างแก้ไข ฉบับรัฐบาลเพื่อไทย 

เมื่อวานนี้ ทางรัฐบาลเพื่อไทยเพิ่งประกาศเตรียมบังคับใช้ร่างแก้ไข พ.ร.ก.ป้องกันและปราบปราม อาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ… โดยคาดว่าจะเริ่มบังคับใช้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้ 

จากการแถลงของ จิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า ระหว่างเดือน ต.ค. 66 - พ.ย. 67 มีจำนวนคดีออนไลน์รวม 402,542 คดี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวม 42,662 ลบ. หรือประชาชนได้รับความเสียหายจากสแกมเมอร์เฉลี่ย 60 - 70 ล้านบาท/ วัน 

และกฎหมายฉบับเดิมยังขาดอำนาจหน้าที่หลายอย่าง โดยเฉพาะ การดำเนินการกับบัญชีม้าบนแพลตฟอร์ม P2P (แลกเปลี่ยนไร้ตัวกลาง), อำนาจการคืนเงินให้ประชาชน และความรับผิดชอบของภาคส่วนต่างๆ จึงมีการแก้กฎหมาย ดังนี้ 


 

  • เพิ่มอำนาจให้ สำนักงาน กสทช. และค่ายมือถือต้องระงับเบอร์มือถือที่น่าสงสัย หรือได้รับแจ้งว่าน่าสงสัยเอง 
  • ห้ามการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่คาดว่าไม่ได้ใช้เพื่อการอุปโภคบริโภค ผ่านแพลตฟอร์ม Peer-to-Peer Lending (P2P) 
  • ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต้องไม่เปิดบัญชีให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทางไซเบอร์ 
  • เพิ่มความสะดวกให้การคืนเงินแก่ผู้เสียหาย ให้ ปปง.เป็นผู้พิจารณาคืนเงินแก่ผู้เสียหาย โดยไม่ต้องรอคำตัดสินของศาลให้ถึงที่สุด 
  • สถาบันการเงิน เครือข่ายโทรศัพท์ และผู้ให้บริหารอื่นที่เกี่ยวข้อง ต้องรับผิดชอบร่วมกันในความเสียหายจากอาชญากรรมไซเบอร์ 
  • กำหนดโทษสำหรับผู้ซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 
  • กำหนดโทษผู้ทำความผิดเกี่ยวกับพนันออนไลน์ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 
  • กำหนดโทษผู้ให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยน หรือประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่นำเงินผิดกฎหมายมาฟอกเงิน จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

ถือว่าเป็นความตั้งใจในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ของรัฐบาลเพื่อไทย ที่ต้องชื่นชม 

อย่างไรก็ตาม ต้นตอของปัญหายังคงตั้งอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามชายแดนไทย และเป็นความท้าทายที่ทั่วโลกกำลังเฝ้าจับตาท่าทีของทางการไทย เพราะคนกลุ่มนี้ไม่เพียงหลอกคนไทย แต่พวกเขาหลอกและสร้างผลกระทบมหาศาลไปทั่วโลก 

 

ภาพประกอบ: อภิฎฐา มุนินทร์นิมิตต์


 

related