svasdssvasds

เปิดนโยบาย ‘กมลา แฮร์ริส’ และ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ในการเลือกตั้งสหรัฐฯ ปี 2024

เปิดนโยบาย ‘กมลา แฮร์ริส’ และ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ในการเลือกตั้งสหรัฐฯ ปี 2024

เทียบนโยบาย ‘กมลา แฮร์ริส’ และ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ 5 พ.ย. 2024 นี้ ใครจะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไป ?

SHORT CUT

  • ครั้งแรกที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2 คนได้เสนอวิสัยทัศน์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
  • ‘กมลา แฮร์ริส’ ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ยังคงต่อยอดนโยบายส่วนใหญ่มาจากยุคของไบเดน
  • โดนัลด์ ทรัมป์' ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันแสดงจุดยืนชัดเจนที่จะนำสหรัฐฯ’ กลับไปสู่ยุคแห่งความแข็งแกร่งด้วยนโยบายสุดโต่งมากมาย

เทียบนโยบาย ‘กมลา แฮร์ริส’ และ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ 5 พ.ย. 2024 นี้ ใครจะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไป ?

การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาจัดขึ้นทุกๆ 4 ปี โดยนับตั้งแต่ปี 1789 ที่มีการเลือกตั้งครั้งแรกเป็นต้นมา สหรัฐฯ มีการเลือกตั้งมาแล้วทั้งหมด 59 ครั้ง แต่ในปี 2024 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งสหรัฐฯครั้งที่ 60 นี้ ถือว่ามีความสำคัญและน่าจับตามองอย่างยิ่ง เพราะเป็นครั้งแรกที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี 2 คนได้เสนอวิสัยทัศน์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

‘กมลา แฮร์ริส’ ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ยังคงต่อยอดนโยบายส่วนใหญ่มาจากยุคของไบเดน ในขณะที่ ‘โดนัลด์ ทรัมป์' ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันแสดงจุดยืนชัดเจนที่จะนำสหรัฐฯ’ กลับไปสู่ยุคแห่งความแข็งแกร่งด้วยนโยบายสุดโต่งมากมาย

ข้างล่างนี้คือตัวอย่างความแตกต่างด้านแนวคิดจากทั้ง 2 คน

เทียบนโยบาย ‘กมลา แฮร์ริส’ และ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’  PHOTO AFP

เทียบนโยบาย ‘กมลา แฮร์ริส’ และ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ 

นโยบายภาษี

แฮร์ริส

เพิ่มภาษีธุรกิจใหญ่และชาวอเมริกันที่มีรายได้ 400,000 ดอลลาร์ ต่อปี

ทรัมป์

ลดหย่อนภาษีหลายประการ และต่ออายุลดหย่อนภาษีที่ทำมาตั้งแต่ปี 2017 (คนรวยได้ประโยชน์)

นโยบายการค้า

แฮร์ริส

เก็บค่าธรรมเนียมสินค้าของประเทศคู่แข่งทางอุตสาหกรรม และเพิ่มข้อจำกัดการลงทุนของจีนที่กระทบความมั่งคงชาติ

ทรัมป์

ยุติการนำเข้าสินค้าจำเป็นจากจีน เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ เพิ่มภาษีนำเข้าจากจีนในอัตราที่สูงขึ้นมาก

นโยบายสิ่งแวดล้อม

แฮร์ริส

สนับสนุนโครงการสิ่งแวดล้อม เข้มงวดกับบริษัทขุดเจาะน้ำมันมากขึ้น 

ทรัมป์

ยกเลิกโครงการสิ่งแวดล้อมจำนวนมาก เพิ่มการขุดเจาะน้ำมันในอาร์กติก แม้จะเป็นอุตสาหกรรมที่ถูกโจมตีว่าทำลายสิ่งแวดล้อม 

นโยบายสุขภาพ

แฮร์ริส

ประกันสุขภาพของรัฐบาล ครอบคลุมมากขึ้น เพิ่มการดูแลที่บ้าน

ทรัมป์

ปรับปรุงประกันสุขภาพของรัฐบาลให้เป็นเอกชนมากขึ้น และลดการจ่ายเงินให้กับโรงพยาบาลสำหรับการดูแลผู้ป่วยนอก

นโยบายตรวจคนเข้าเมือง

แฮร์ริส

เพิ่มการปราบปรามคนข้ามพรมแดนผิดกฎหมาย

ทรัมป์

ปิดผนึกพรมแดนด้วยการสร้างกำแพงให้เสร็จเรียบร้อย และเนรเทศผู้อพยพที่ไม่มีเอกสารให้ได้มากที่สุด

สงคราม

แฮร์ริส

  • รักษาการสนับสนุนการเงินและอาวุธให้ยูเครนปกป้องตัวเอง
  • ผลักดันให้ อิสราเอล-ฮามาส หยุดยิง
  • สนับสนุน NATO อย่างเต็มที่

 ทรัมป์

  • ลดการสนับสนุนการเงินและอาวุธให้ยูเครน
  • สนับสนุนอิสราเอล
  • กดดันสมาชิก NATO จ่ายเงินค่าป้องกันประเทศ จำนวน 2 % ของ GDP ภายในประเทศ

 

นโยบายอื่นๆ

แฮร์ริส

  • เพิ่มกฎหมายควบคุมอาวุธปืน
  • เพิ่มการทำแท้งเสรีทั่วประเทศ
  • ควบคุมการใช้กัญชาเพื่อความบันเทิง

ทรัมป์

  • ปกป้องสิทธิของผู้พกปืนเต็มที่
  • ให้แต่ละรัฐ กำหนดเงื่อนไขการทำแท้งเอง
  • ยกเลิกการจับกุมผู้ที่ใช้กัญชาปริมาณเล็กน้อย

หาก

‘กมลา แฮร์ริส’ ชนะเลือกตั้งสหรัฐฯ จะเกิดอะไรขึ้น ?

หาก ‘แฮร์ริส’ สามารถคว้าชัยในการเลือกตั้งครั้งนี้ได้ เธอจะเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของอเมริกาและผู้นำผิวสีคนที่ 2 ต่อจาก ประธานาธิบดีบารัคโอบามา ความมุ่งมั่นของเธอคือการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และผลักดันเรื่องของสิทธิสตรีต่อไป นอกจากนี้เธอยังพยายามอย่างหนักในการลดความเป็นชาตินิยมลง แต่อาศัยการพึ่งพากันของชาวโลกแทน

แม้ว่าเธอจะมีนโยบายหลายอย่างที่เป็นมรดกจากยุคไบเดน แต่ความพยายามที่จะพัฒนาให้ดีขึ้น อาจสร้างแนวทางที่แตกต่างจากของเดิมได้

‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ชนะเลือกตั้งสหรัฐฯ จะเกิดอะไรขึ้น ?

ในช่วงที่ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งวาระแรก (2017-2021) แนวคิด “อเมริกาต้องมาก่อน” ของเขาทำให้เกิดความไม่มั่นคงระหว่างพันธมิตรและศัตรู สมาชิก NATO 57’ กล่าวว่า ไม่เคยมีมาก่อนที่สหรัฐฯ จะถูกมองว่าเป็น “พันธมิตรที่คาดเดาไม่ได้” ดังนั้น หากเขาชนะเลือกตั้งและเข้ารับตำแหน่งสมัยที่ 2 ได้สำเร็จ ก็อาจเกิดผลลัพธ์ไม่ต่างกัน คือมีความไม่มั่นคงในนโยบายต่างประเทศ เพราะทรัมป์มีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ และความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และสงครามรัสเซีย-ยูเครน อาจดำเนินต่อไปอีกยาวนาน

ที่มา :  American Century Investments, BBC, The Guardian

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

 

 

 

related