ชวนย้อนดูช่วงนับตั้งแต่ ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับถึงแผ่นดินเกิด เมื่อ 22 สิงหาคม 2566 และในค่ำคืนนั้น เขาก็ถูกส่งตัวไปนอนที่โรงพยาบาลตำรวจ และยังไม่เคยย่างกรายกลับเข้าไปในคุกอีกเลย และ ณ เวลานี้ วันที่ 18 ก.พ. นี้ เขากำลังจะกลับบ้าน จันทร์ส่องหล้า ?
ภายหลังนับตั้งแต่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ในรัฐบาลเพื่อไทย ยืนยันว่า คณะกรรมการพิจารณาพักการลงโทษ พิจารณาหลักเกณฑ์รายชื่อผู้ต้องขังทั่วประเทศที่ผ่านเกณฑ์พักโทษแบบปกติ และพักโทษแบบกรณีมีเหตุพิเศษ ในจำนวน 945 รายชื่อว่า 1 ในรายชื่อดังกล่าวคือ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อายุ 74 ปี เนื่องจากเข้าเกณฑ์ผู้ต้องขังสูงอายุ มีอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง และที่สำคัญที่สุด ทักษิณได้เข้าสู่กระบวนการรับโทษมาแล้ว 1 ใน 3 หรือ 6 เดือน จึงเข้าเงื่อนไขพิจารณาพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ เนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ หรือมีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป
เพราะฉะนั้น ถ้าหากนับจากระยะเวลาที่ทักษิณ ชินวัตร หรือ พี่โทนี่ เดินทางกลับเข้าประเทศ เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 66 และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ในคดีค้างเก่า ได้แก่ 1.คดีให้นอมินีถือหุ้น บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 2.คดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว หรือ หวยบนดิน และ 3.คดีสั่งการให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (Exim Bank) อนุมัติเงินกู้สินเชื่อ 4,000 ล้านบาทแก่รัฐบาลเมียนมา รวมโทษจำคุก 8 ปี ก่อนที่ต่อมาจะได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ เหลือจำคุกเพียง 1 ปี หลังเข้าสู่กระบวนรับโทษของราชทัณฑ์เพียงครึ่งวัน ทักษิณมีอาการป่วยกำเริบถูกส่งตัวเข้ารักษาที่ รพ.ตำรวจ และรักษาตัวต่อเนื่องบนชั้น 14 อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา จนถึงปัจจุบัน โดยอ้างอาการเจ็บป่วย 4 โรครุมเร้าที่ศักยภาพการรักษาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ยังไม่เพียงพอ ได้แก่ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด พังผืดในปอด ความดันโลหิตสูง และกระดูกสันหลังเสื่อม
จนถึงตอนนี้ ที่ถือห้วงเวลารับโทษถือเป็น 1 ใน 3 ของโทษตามหมายแจ้ง และจะครบกำหนดในวันที่ 18 ก.พ. 2567 นี้
เราพาย้อนเหตุการณ์จังหวะสำคัญ ตั้งแต่นาที “ทักษิณ” เหยียบแผ่นดินที่ดอนเมือง เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 66 จนถึงปัจจุบัน และกำลังจะมีลุ้นจุดหมายปลายทางพักโทษ ณ บ้านจันทร์ส่องหล้า หรือไม่ ?
ทักษิณ กลับเข้าประเทศไทย โดยมาจากสนามบินสิงคโปร์ มายังอาคารไพรเวท เจ็ต (MJets) ท่าอากาศยานดอนเมือง มีจังหวะปรากฏตัวให้สื่อมวลชนและมวลชนที่มารอรับ ขณะเดินออกมาถวายบังคมพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง ด้านหน้าอาคาร จากนั้นเดินทางไปรับฟังคำพิพากษาศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่สนามหลวง ก่อนถูกคุมตัวไปรับโทษที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กระทั่งเวลา 00.30 น. ถูกย้ายตัวด่วนออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไปรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ เนื่องจากอาการป่วยกำเริบ และความดันขึ้นสูง
พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) แจ้งขออายัดตัวทักษิณต่อกรมราชทัณฑ์ ในความผิดคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 เหตุจากพฤติการณ์เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 58 ที่เคยให้สัมภาษณ์สื่อที่กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) และประเทศไทยเกี่ยวพันกัน
ทักษิณ ชินวัตร รักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ครบ 30 วัน กรมราชทัณฑ์ให้เหตุผลว่า จากรายงานความเห็นของแพทย์ ระบุเหตุความจำเป็นที่ต้องรับการรักษาตัวเกิน 30 วัน เนื่องจากการรักษายังไม่สิ้นสุด เพราะได้เข้ารับการผ่าตัด และยังคงต้องรักษาตัวอยู่ต่อที่ รพ.
ปรากฏภาพถ่ายและโด่งดังในโลกออนไลน์ ของ พี่โทนี่ หรือ ทักษิณ ชินวัตร โดยเป็นภาพบริเวณทางเดินตรงข้ามอาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา รพ.ตำรวจ เป็นภาพการเคลื่อนย้ายทักษิณในชุดคนไข้สีฟ้า สวมหน้ากากอนามัยนอนอยู่บนเตียงเข็นผู้ป่วย อ้างว่าเป็นการนำตัวไปทำ CT Scan และ MRI
ทักษิณ ชินวัตร เข้ารับรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ครบ 60 วัน กรมราชทัณฑ์ให้เหตุผลว่า เนื่องจากความเห็นของแพทย์ผู้ตรวจการรักษาเห็นว่ายังมีความจำเป็นต้องรักษาตัวอยู่ต่อ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดการเจ็บป่วยได้ เป็นไปตามหลักการคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยและตามจรรยาบรรณของแพทย์ อีกทั้งไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณชนตาม พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 โดยในระหว่างนี้ #ชั้น14 ก็โด่งดังในโลกออนไลน์เป็นระยะๆ
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถูกนำตัวเข้ารับการผ่าตัด ณ ห้องผ่าตัดออร์โธปิดิกส์ รพ.ตำรวจ หลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้น ถูกนำตัวมาพักที่ห้องไอ ซี ยู ศัลยกรรมประสาท (Neurosurgical Intensive Care Unit : NICU) โดยอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ระบุว่า เป็นการผ่าตัดกระดูกหลายส่วน เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้เข้ารับการ CT SCAN – MRI และแพทย์เเนะนำว่าควรผ่าตัดด่วน และเมื่อเข้ารับการผ่าตัดแล้วก็ต้องนอนพักฟื้นรักษาตัวต่อไป
ทักษิณ นอนพักรักษาตัวภายนอกเรือนจำที่ รพ.ตำรวจ เกินกว่า 120 วัน อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยพิจารณาจากความเห็นแพทย์ที่มีความเห็นว่ายังต้องดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด วันที่ 8 ม.ค. 67 จึงพิจารณาเห็นชอบให้รักษาตัวต่อ เพราะยังมีอาการเจ็บป่วยที่ต้องเฝ้าระวังใกล้ชิดโดยแพทย์ผู้ทำการรักษาเฉพาะทาง และหากเกิดภาวะแทรกซ้อน หรืออาการที่อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตจะได้ดำเนินการรักษาอย่างทันท่วงที
ชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร นัดหมายผู้บริหาร รพ.ตำรวจ โดยมี พล.ต.ต.สามารถ ม่วงศิริ นายแพทย์ สบ 7 ให้ข้อมูลพร้อมนำศึกษาดูงานและเยี่ยมชมการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมผู้ต้องขังป่วยที่รักษาตัวอยู่ภายนอกเรือนจำฯ โดยนายชัยชนะ ไม่ได้เข้าไปพบตัว เพียงแค่พบว่าเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ปฏิบัติหน้าที่อยู่ 2 นาย ตำรวจ สน.ปทุมวัน 3 นาย และตำรวจสันติบาล 3 นาย รวม 8 นาย ทั้งยังทราบข้อมูลจากหัวหน้าพยาบาลว่าทีมพยาบาลได้สลับเข้าไปคอยดูแลและให้การพยาบาล โดยทักษิณมีภาวะโรคหัวใจรั่ว และไม่ค่อยมีญาติมาเยี่ยมบ่อยนัก ทั้งยังพบว่ากล้องวงจรปิดทั้งชั้น 14 ไม่สามารถใช้งานได้
กุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน และคณะ ร่วมกับพนักงานสอบสวน บก.ปอท. ได้เดินทางเข้าพบทักษิณ ที่ รพ.ตำรวจ เพื่อแจ้งข้อกล่าวหามาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ โดยทักษิณปฏิเสธข้อกล่าวหาและยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยืนยันได้รับรายชื่อผู้ต้องขังทั่วประเทศที่เข้าเกณฑ์โครงการพักการลงโทษทั้งแบบปกติและแบบกรณีมีเหตุพิเศษ จำนวนกว่า 1,000 ราย อยู่ระหว่างตรวจสอบคุณสมบัติ ยอมรับว่าทักษิณเป็นผู้ต้องขังสูงอายุ และมีอาการเจ็บป่วย ขณะที่วันเดียวกันสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงความคืบหน้าคดีทักษิณถูกกล่าวหากระทำผิดมาตรา 112 ว่าอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานกิจการคดี พิจารณาและทำความเห็นเบื้องต้น เพื่อส่งให้อัยการสูงสุดมีความเห็นและมีคำสั่งทางคดี
ที่ ทำเนียบรัฐบาล รมว.ยุติธรรม ยืนยันชัดเจนทักษิณ มีชื่อเป็น 1 ใน 930 รายชื่อ ที่จะได้รับการพักโทษรอบต่อไป โดยเป็นไปตามเกณฑ์เพราะต้องโทษมาแล้ว 1 ใน 3 คือ 6 เดือน และวันที่ 18 ก.พ. 67 : ทักษิณ ชินวัตร มีลุ้นได้กลับบ้าน จันทร์ส่องหล้า