svasdssvasds

เด็กไทยเรียนหนักที่สุดในโลก แชมป์ประเทศที่มีชั่วโมงในโรงเรียนนานที่สุด

เด็กไทยเรียนหนักที่สุดในโลก แชมป์ประเทศที่มีชั่วโมงในโรงเรียนนานที่สุด

ไทยคว้าอันดับ 1 ของโลก ประเทศที่มีวันเรียนยาวนานที่สุด เพราะนโยบายการศึกษาคาดหวังให้ 'เด็กไทย' เชี่ยวชาญวิชาต่างๆ ทั้งคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ อังกฤษ และสังคม พร้อมทั้งต้องการให้นักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมมากมาย

จำนวนชั่วโมงเรียนใน 1 วัน เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมานาน โดยมีทั้งฝ่ายที่มองว่ายิ่งชั่วโมงเรียนสูง ยิ่งเป็นผลดีกับนักเรียนดี และฝ่ายที่มองว่า การมีชั่วโมงเรียนมากเกินไปอาจทำให้นักเรียนเหนื่อยล้าโดยไม่จำเป็นได้

อย่างไรก็ตาม การกำหนดชั่วโมงเรียนไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น นโยบายการศึกษา บรรทัดฐานทางวัฒนธรรม ไปจนถึงความแต่งต่างในระดับภูมิภาค ซึ่งล้วนมีบทบาทในการกำหนดรูปแบบชั่วโมงเรียนทั้งสิ้น ซึ่งระยะเวลาของวันเรียนอาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ โดยบางประเทศชั่วโมงเรียนอาจสั้นแค่ 4-5 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น ในขณะที่บางประเทศ อาจมีชั่วโมงเรียนยาวถึง 8-9 ชั่วโมงต่อวัน

ทั้งนี้ “World Population Review” องค์กรอิสระที่ทำการสำรวจสำมะโนประชากรและสถิติประชากรของโลก ได้เผย 10 ประเทศในปี 2023 ที่มีชั่วโมงเรียนเฉลี่ยมากที่สุดในหนึ่งวัน โดยได้อันดับดังนี้ 

  • ไทย-เรียน 9.5 ชั่วโมงต่อวัน
  • กัมพูชา - เรียน 8.75 ชั่วโมงต่อวัน
  • บังกลาเทศ - เรียน8.5 ชั่วโมงต่อวัน
  • พม่า - เรียน 8.5 ชั่วโมงต่อวัน
  • ไต้หวัน - เรียน 8.5 ชั่วโมงต่อวัน
  • ชิลี - เรียน 8.33 ชั่วโมงต่อวัน
  • เกาหลีใต้ - เรียน 8 ชั่วโมงต่อวัน
  • กานา - เรียน 8 ชั่วโมงต่อวัน
  • เนปาล - เรียน 7.75 ชั่วโมงต่อวัน
  • เคนยา - เรียน 7.5 ชั่วโมง

 

กำลังโหลด เด็กไทยเรียนหนักที่สุดในโลก แชมป์ประเทศที่มีวันเรียนยาวนานที่สุด

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลดังกล่าวรวบรวมมาจากหลายแหล่ง ซึ่งชี้ให้เห็นถึงชั่วโมงที่เด็กต้องอยู่ในห้องเรียน โดยไม่ได้อ้างอิงจากเวลาเปิด-ปิดโรงเรียนโดยเฉลี่ย และอาจจะรวมหรือไม่รวมเวลาที่ไม่ใช่การเรียนการสอน เช่น ช่วงพักกลางวันหรือช่วงพักเบรกสั้นๆ

ส่วนถ้าสำรวจโดยอ้างอิงจากเวลาเปิด-ปิดโรงเรียนอย่างเป็นทางการของแต่ละประเทศ จะได้ลำดับดังนี้  

  • ไต้หวัน - เรียน 10 ชั่วโมงต่อวัน (07:30-17:30 น.)
  • จีน - เรียน 9.5 ชั่วโมงต่อวัน (07:30-17:00 น.)
  • ฝรั่งเศส - เรียน 8 ชั่วโมงต่อวัน (08.30-16.30 น.)
  • ชิลี - เรียน 8 ชั่วโมงต่อวัน (08.00-16.00 น.)
  • สหรัฐอเมริกา - เรียน 7.5 ชั่วโมงต่อวัน (7:30-15:00 น.)
  • เคนยา-เรียน 7.5 ชั่วโมงต่อวัน (08.00-15.30 น.)
  • สหราชอาณาจักร - เรียน 7 ชั่วโมงต่อวัน (08.00-15.00 น.)
  • แคนาดา- เรียน 6.5 ชั่วโมงต่อวัน (08.30-15.00 น.)
  • ออสเตรเลีย- เรียน 6 ชั่วโมงต่อวัน (08:45-15:00 น.)
  • รัสเซีย - เรียน 6 ชั่วโมงต่อวัน (08.00-14.00 น.)

เด็กไทยเรียนหนักที่สุดในโลก

ถ้าสำรวจโดยไม่อิงจากเวลาเปิด-ปิดโรงเรียนตามปกติ จะพบว่าประเทศไทยมีชั่วโมงเรียนเฉลี่ยต่อวันยาวนานที่สุดในโลก โดยนักเรียนใช้เวลาในห้องเรียนเฉลี่ย 9 ชั่วโมง 30 นาทีต่อวัน ซึ่งนานกว่าประเทศอื่นๆ มาก

ทั้งนี้มีเหตุผลหลายประการที่ทำให้เด็กไทยเรียนหนักเช่นนี้ เหตุผลหนึ่งคือรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการศึกษาเป็นอย่างมาก เนื่องจากการศึกษาถือเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาศักยภาพพลเมืองภายในประเทศ ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและความก้าวหน้าของสังคมโดยรวม

ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งคือ การศึกษาไทยมีความเข้มงวดมาก นักเรียนไทยจะถูกกดดันให้เชี่ยวชาญวิชาต่างๆ มากมาย ทั้งภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ อังกฤษ และสังคมศึกษา นอกเหนือจากนี้นักเรียนไทยยังถูกคาดหวังให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมอีกหลากหลาย เช่น กีฬา งานจิตอาสา ดนตรี และศิลปะ เป็นต้น

ทั้งนี้ ข้อดีหลักของการมีชั่วโมงเรียนยาวนานคือ ทำให้มีเวลาในการสอนและการเรียนรู้มากขึ้น ซึ่งสามารถช่วยให้นักเรียนมีผลการเรียนโดยเฉลี่ยสูงขึ้นได้

ทว่าข้อเสียที่ตามมาคือนักเรียนอาจมีความเครียดและความเหนื่อยล้าสะสมเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีเวลาพักผ่อน ทำงานอดิเรก และกิจกรรมกับครอบครัวน้อยกว่าที่ควร ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพจิตและร่างกายของพวกเขา

อีกข้อเสียที่ร้ายแรงคือ การขยายเวลาเรียนเกินพอดี อาจทำให้แรงจูงใจและการมีส่วนร่วมของนักเรียนลดลง เมื่อนักเรียนต้องอยู่ที่โรงเรียนเป็นเวลานาน และจะทำให้นักเรียนมีผลการเรียนที่ตกต่ำลง และมีทัศนคติเชิงลบต่อการมาใช้ชีวิตที่โรงเรียนได้ด้วยเช่นกัน

เด็กไทยเรียนหนักที่สุดในโลก

ดังนั้น ประเทศที่มีชั่วโมงเรียนเยอะ แต่การศึกษากลับยังไม่สามารถไปอยู่อันดับต้นๆ ของโลกได้ อาจต้องพิจารณานโยบายเสียใหม่ และเริ่มเรียนรู้จากระบบการศึกษาที่ประสบในประเทศอื่น เช่น ฟินแลนด์และสวีเดนที่คุณภาพการศึกษาอยู่อันดับต้นๆ ของโลก ยังมีชั่วโมงเรียนเฉลี่ยแค่ 4-5 ชั่วโมงต่อวัน โดยมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มคุณภาพการสอนและการเรียนรู้ในช่วงเวลานั้นโดยเฉพาะ เพื่อให้เด็กได้เรียนอย่างมีสมาธิ และได้พักผ่อนอย่างเหมาะสม

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือหลังจากดูตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จในประเทศอื่นแล้ว ต้องไม่ลืมเอามาปรับแนวทางให้เข้ากับบริบทภายในประเทศด้วย เพราะแต่ละประเทศมีบริบทที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ซึ่งสิ่งที่ได้ผลในประเทศหนึ่งอาจไม่ได้ผลในอีกประเทศหนึ่งเสมอไป ดังนั้นผู้ปกครอง นักศึกษา และผู้กำหนดนโยบายร่วมกัน และทำการวัดผลอยู่เสมอ เพื่อหาแนวทางเหมาะสมในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

แม้ว่าการดูตัวอย่างจากต่างประเทศจะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ แต่สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าแต่ละประเทศมีบริบทที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง สิ่งที่ได้ผลในประเทศหนึ่งอาจไม่ได้ผลในอีกประเทศหนึ่งเสมอไป ดังนั้น ผู้ปกครอง นักการศึกษา และผู้กำหนดนโยบายควรปรับแนวทางให้เหมาะสมกับความต้องการและความท้าทายเฉพาะของระบบการศึกษาของตนเอง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

 

 

 

related