เปิดผลงาน 30 วันแรก ของนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ชู 3 ประเด็นหลัก ชีวิตคนไทยดีขึ้น

เศรษฐา ทวีสิน นายกฯรัฐมนตรี คนที่ 30 ของไทย หลังทำงาน 1 เดือน แก้วิกฤต ลดค่าไฟ-น้ำมัน เปิดรับการลงทุนจากต่างชาติและส่งเสริมการท่องเที่ยว ให้คนไทยเป็นอยู่ดีขึ้น

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ทวีตข้อความ ใน X หรือ ทวิตเตอร์ส่วนตัว @Thavisin โดยระบุ 30 วันแรกของ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2566 ถึง 13 ตุลาคม 2566 ของรัฐบาลประชาชน ครบ 30 วันแรก ที่ตนและทีมงานเร่งดำเนินการทุก ๆ นโยบายเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพี่น้องชาวไทย

และผลักดันให้ประเทศไทยทัดเทียมนานาประเทศ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน จนถึง 13 ตุลาคม 2566

แก้วิกฤตด้านพลังงานทันที ลดค่าไฟ ลดค่าน้ำมัน
ช่วยเหลือเกษตรกรเพื่อปากท้องที่ดีกว่า ทั้งการพักหนี้ 3 ปี เพิ่มรายได้ ผลักดัน Soft Power และรับมือเอลนีโญ
เปิดรับการลงทุนจากต่างชาติและส่งเสริมการท่องเที่ยว ทำให้ประเทศมีรายได้เพิ่มขึ้น การแก้ปัญหาปากท้องและพัฒนาโครงสร้างประเทศอย่างจริงจัง เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไทย Free Visa ให้คนจีน และคาซัคสถาน , ถกบริษัทยักษ์ใหญ่ USA ดึงลงทุนในไทย

30 วันแรกของ ‘รัฐบาลประชาชน’
ครบ 30 วันแรกที่ผมและทีมงานเร่งดำเนินการทุก ๆ นโยบายเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพี่น้องชาวไทย และผลักดันให้ประเทศไทยทัดเทียมนานาประเทศ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน จนถึง 13 ตุลาคม 2566

👉 แก้วิกฤตด้านพลังงานทันที ลดค่าไฟ ลดค่าน้ำมัน
👉… pic.twitter.com/zF1TqWnJ5o
— Srettha Thavisin (@Thavisin) October 14, 2023

นอกจากนี้ นายกฯ ยังปิดท้ายข้อความด้วยว่า มาร่วมสร้าง #ChanceOfPossibility เพราะ #นี่คือโอกาสของทุกความเป็นไปได้ ของคนไทยครับ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ประชาชนให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นเรื่อง เงินดิจิทัล 10,000 บาท เพราะเป็นนโยบายหลักที่ใช้ในการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ซึ่ง ณ เวลานี้ เรื่อง ให้เงินดิจิทัล ผ่าน Digital Wallet ได้มีการพิจารณาข้อเสนอของหลายหน่วยงานในการปรับหลักเกณฑ์รายละเอียดโครงการ ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายให้เฉพาะผู้มีรายได้น้อยหรือผู้ควรได้รับการช่วยเหลือ จะทำให้จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการลดลงจาก 56 ล้านคน เหลือ 40 ล้านคน รวมทั้งจะทำให้วงเงินลดลงจาก 560,000 ล้านบาท ลดลงเหลือ 400,000 ล้านบาท รวมทั้งมีข้อเสนอให้จ่ายเงินผ่านช่องทางเป๋าตัง และใช้เงินได้ในรัศมีเกิน 4 กิโลเมตร

แต่ดูเหมือนว่ารัฐบาลเศรษฐา ยังคงยืนยันที่จะไม่ใช้เป๋าตังทั้งที่เป็นระบบที่ใช้งานได้ทันที โดยมีผู้ลงทะเบียนไว้แล้วกว่า 40 ล้านคน เหลือเพียงการยืนยันตัวตนอีกครั้ง สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ ซึ่งรัฐบาลเศรษฐา ไม่ใช้ช่องทางเป๋าตังด้วย

เหตุผลเพียงเพราะว่ารัฐบาลปัจจุบันไม่ได้เป็นเจ้าของ โดยรัฐบาลไม่ได้ออกแบบและดำเนินการมาตั้งแต่ต้น ผลของการตัดสินใจดังกล่าวจะทำให้ต้องจัดงบประมาณบริหารจัดการเพิ่มเติม และเพิ่มระยะเวลาในการเตรียมโครงการนานขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง