“พรรคก้าวไกล” ผุด แคมเปญ 2 สมรภูมิเพื่อตั้งรัฐบาลของประชาชน แต่ถ้าไม่สำเร็จ ยินดีสนับสนุน “พรรคเพื่อไทย” ขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
“พรรคก้าวไกล” เปิดโรดแมปก้าวไกล แคมเปญ 2 สมรภูมิเพื่อตั้งรัฐบาลของประชาชน ยอมรับ แม้สำเร็จได้ยาก แต่จะพยายามต่อสู้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้รัฐบาลของประชาชน แต่หากพ่ายแพ้ในทั้งสองสมรภูมินี้ พรรคก้าวไกลยินดีเปิดโอกาสให้พรรคที่ได้คะแนนอันดับสอง ได้แก่พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลของพรรคร่วม 8 พรรค โดยผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกลทุกคนจะสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยภายใต้เงื่อนไขตาม MOU เดิม โดยโรดแมปดังกล่าว มีรายละเอียดดังนี้
หลังจากการโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งแรก เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ได้รับคะแนน 324 เสียงจากสมาชิกรัฐสภา ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลตามความคาดหวังของประชาชน
พรรคก้าวไกลถือว่าภารกิจนี้ยังไม่จบ เราจะพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ โดยจะมีการขับเคลื่อนใน 2 สมรภูมิ ดังนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
1.การโหวตนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะมีขึ้นอีกครั้งในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้
2.การยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยกเลิกมาตรา 272 ตัดอำนาจโหวตนายกของ ส.ว. ถาวร ตลอดไป
ในสมรภูมิแรก เราจำเป็นต้องได้เสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาเพิ่มเติมจาก 8 พรรคเดิมไม่น้อยกว่า 65 เสียง ในขณะที่ในสมรภูมิที่ 2 เราต้องการเสียง ส.ว. 84 เสียง เพื่อแก้รัฐธรรมนูญได้สำเร็จ
แม้ทั้งสองหนทางจะเป็นไปได้ยาก แต่เราเชื่อว่าหากประชาชนทุกคนร่วมกันปฏิบัติภารกิจ “ชวน ส.ว. ยืนข้างประชาชน” การเปลี่ยนใจ ส.ว. ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ โดยการเปลี่ยนใจ ส.ว. มี 2 รูปแบบ คือ
1. การชวนให้ ส.ว. มาโหวตนายกฯ ตามเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎร รักษาหลักการประชาธิปไตย ที่ต้องรับฟังเสียงที่ประชาชนแสดงออกผ่านการเลือกตั้ง
แต่แน่นอนว่า ส.ว. จำนวนมาก ไม่สบายใจที่จะโหวตให้กับพรรคก้าวไกล เพราะฉะนั้น มีอีกทางเลือกที่ยังรักษาหลักการที่ว่า ส.ว. ซึ่งมาจากการแต่งตั้ง ไม่ควรมีสิทธิ์โหวตนายกรัฐมนตรี คือ
2. การเชิญชวนให้ ส.ว. โหวตยกเลิกมาตรา 272 ปิดสวิตช์ตัวเองในการใช้อำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีอย่างถาวร ซึ่งในช่วงไม่กี่วันมานี้ ก็มี ส.ว. จำนวนไม่น้อย เช่น เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ , พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ และ วัลลภ ตังคณานุรักษ์ ที่ระบุว่า ตนเองงดออกเสียงเพราะต้องการยึดหลักการ ส.ว. ไม่มีสิทธิ์โหวตนายกฯ และก่อนหน้านี้ ก็มี ส.ว. ที่เคยโหวตเห็นด้วยกับการยกเลิกมาตรา 272 มากถึง 63 คน
การต่อสู้ในทั้ง 2 สมรภูมินี้ เราต้องการความร่วมมือร่วมใจจากพี่น้องประชาชนทุกคน แม้ว่าท่านจะเคยโหวตให้เราหรือไม่ เพราะนี่ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อให้พิธาเป็นนายกฯ หรือให้ก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล แต่คือการต่อสู้เพื่อยืนยันว่า การเลือกตั้งต้องมีความหมาย เสียงของประชาชนต้องเป็นเสียงที่กำหนดอนาคตของประเทศ
หากเราพ่ายแพ้ในทั้งสองสมรภูมินี้ ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ พรรคก้าวไกลยินดีเปิดโอกาสให้พรรคที่ได้คะแนนอันดับสอง ได้แก่พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลของพรรคร่วม 8 พรรค โดยผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกลทุกคนจะสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยภายใต้เงื่อนไขตาม MOU เดิม
แต่กว่าจะถึงวันนั้น เราจะทำทุกวิถีทางเพื่อจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ พรรคก้าวไกลเพียงพรรคเดียวไม่อาจเปลี่ยนใจ ส.ว. และนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลของประชาชนได้จริง จึงต้องขอแรงพลังจากทุกท่านร่วมทำภารกิจเพื่อให้เราสามารถจัดตั้งรัฐบาลของประชาชนให้สำเร็จ
ที่มา พรรคก้าวไกล