รัฐบาลแพทองธารเจอแรงกดดัน พรรคร่วมไม่เอากาสิโน เลื่อนพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ ส่งสัญญาณความท้าทายถึงรัฐบาล
ในที่สุด “รัฐบาลแพทองธาร” ภายใต้การนำของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลแถลงข่าวเลื่อนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ออกจากวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเดิมที่มีกำหนดพิจารณาในวันที่ 9 เมษายน ก่อนปิดสมัยประชุมในวันที่ 11 เมษายน 2568
นายกรัฐมนตรีระบุว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นไปเพื่อให้พรรคร่วมรัฐบาลเกิดความสบายใจ และสามารถสนับสนุนร่างกฎหมายด้วยความเต็มใจ โดยเน้นว่าเป็นแนวทางการบริหารแบบของตนเองที่ต้องการสร้างความเข้าใจและความพร้อมร่วมกันของทุกฝ่าย เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
“เรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ดิฉันยืนยันว่าเราไม่ได้ถอย แต่ในช่วงเวลานี้มีเหตุการณ์เร่งด่วนที่ต้องจัดการก่อน ทั้งเรื่องแผ่นดินไหว ซึ่งต้องเร่งเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต และการขึ้นภาษีของสหรัฐอเมริกา ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและต้องเร่งหาทางแก้ไข เราจึงขอจัดลำดับความสำคัญใหม่ โดยจะใช้ช่วงปิดสมัยประชุม 2 เดือนนี้ สื่อสารและทำความเข้าใจกับประชาชนเพิ่มเติมในเรื่องร่าง พ.ร.บ. เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เพื่อให้สามารถผลักดันได้อย่างแข็งแรงและชัดเจนในโอกาสต่อไป” นายกรัฐมนตรีกล่าว
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่รัฐบาลต้องตัดสินใจเลื่อนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ออกไป เป็นเพราะแรงเสียดทานภายในรัฐบาลเอง โดยเฉพาะจุดยืนของพรรคร่วมรัฐบาล 2 พรรคหลัก ที่แสดงท่าทีชัดเจนว่าจะ “งดออกเสียง” หากมีการเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาในวาระแรก
พรรคแรกคือ พรรคภูมิใจไทย หรือที่รู้จักกันในชื่อ “พรรคสีน้ำเงิน” โดยในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 ซึ่งมีการอภิปรายญัตติด่วนด้วยวาจาเกี่ยวกับผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา นายไชยชนก ชิดชอบ ส.ส.บุรีรัมย์ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ได้กล่าวเปิดอภิปรายโดยแสดงความขอบคุณต่อนายกรัฐมนตรีที่เปิดโอกาสให้หารือในประเด็นที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน พร้อมกล่าวชื่นชมถึงภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรีที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของประชาชนเป็นลำดับแรก
อย่างไรก็ตาม นายไชยชนกได้ประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนกลางสภาว่า พรรคภูมิใจไทยจะไม่สนับสนุนร่าง พ.ร.บ. ที่เกี่ยวข้องกับการเปิดกาสิโน โดยระบุว่า
“ผม นายไชยชนก ชิดชอบ ลูกชายคนโตของนายเนวิน และนางกรุณา ชิดชอบ ขอยืนยันว่า จะไม่มีวันเห็นด้วยกับการเปิดกาสิโน เพราะยังมีเรื่องเร่งด่วนและสำคัญยิ่งกว่าที่ควรได้รับการแก้ไข”
ท่าทีดังกล่าวสะท้อนถึงความไม่เห็นพ้องกันภายในพรรคร่วมรัฐบาล และกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้รัฐบาลต้องชะลอการเดินหน้าร่างกฎหมายฉบับนี้ออกไปก่อน
แม้จะไม่มีการแสดงท่าทีอย่างชัดเจนจากพรรคอนุรักษ์นิยมอีกหนึ่งพรรคร่วมรัฐบาลว่าเห็นด้วยหรือไม่กับร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร แต่มีแนวโน้มสูงว่าจะ “งดออกเสียง” เช่นกัน ทำให้จุดยืนของพรรคร่วมรัฐบาลกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การตัดสินใจ “ถอย” ชั่วคราวของรัฐบาล
นอกจากนั้น กลุ่มสมาชิกวุฒิสภาสายสีน้ำเงินยังได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลจัดทำประชามติเพื่อตัดสินชะตาร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า กฎหมายนี้อาจกระทบต่อความมั่นคงและประโยชน์สาธารณะ หากรัฐบาลยังเดินหน้าโดยไม่ฟังเสียงประชาชน อาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 172 รวมถึง พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 123/1
การเลื่อนร่างกฎหมายออกไป จึงถูกมองว่าเป็นการ “ถอนฟืนออกจากกองไฟ” เพื่อลดกระแสต่อต้านการเปิดกาสิโนที่กำลังร้อนแรงอยู่ในขณะนี้ โดยต้องรอดูสถานการณ์อีกครั้งเมื่อเปิดสมัยประชุมสภาในวันที่ 3 กรกฎาคม 2568 ว่าร่างกฎหมายจะถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาต่อหรือไม่
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงถึงการเลื่อนการพิจารณาว่า เป็นเพราะนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับสถานการณ์เร่งด่วนที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ทั้งเรื่องแผ่นดินไหวที่ต้องเร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และกรณีสหรัฐอเมริกาประกาศขึ้นภาษีนำเข้า ซึ่งต้องเร่งแก้ไขเช่นกัน
นายกรัฐมนตรีได้หารือกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล และมีข้อสรุปให้แต่ละพรรคกลับไปพูดคุยกันเพื่อเตรียมความพร้อมในการพิจารณาร่างกฎหมายอีกครั้ง โดยระหว่างปิดสมัยประชุม 2 เดือน จะใช้เวลาอธิบายและชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนอย่างทั่วถึง เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า ร่าง พ.ร.บ. นี้ไม่ใช่เรื่องของการพนันเพียงอย่างเดียว แต่เป็นแนวทางดึงเม็ดเงินเข้าประเทศเพื่อการพัฒนาในอนาคต
สำหรับข้อเรียกร้องให้จัดทำประชามติ นายจุลพันธ์ระบุว่า “ทำได้ยาก” และย้ำว่าร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านการทำประชาพิจารณ์แล้วถึง 4 ครั้ง ได้รับเสียงเห็นชอบถึง 80% พร้อมยืนยันว่า ยังไม่ใช่การพับร่างกฎหมาย เนื่องจากยังอยู่ในระเบียบวาระ และสามารถกลับเข้าสู่การพิจารณาได้ทันทีเมื่อเปิดสมัยประชุมใหม่
ในส่วนที่สมาชิกวุฒิสภาขู่ว่าจะยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. หากสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบกับร่างกฎหมายดังกล่าว นายจุลพันธ์ระบุว่า จะหาโอกาสพูดคุยกับ ส.ว. เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง