ทักษิณ - นายกฯ แพทองธาร ยอมถอยหนึ่งก้าว ไม่ฝืนผลักดันให้สภาฯ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยมี 3 ปมที่ต้องเร่งปฏิบัติการ
จากกรณีที่ทีมยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า การเลื่อนวาระดังกล่าวเป็นผลจากการประเมินเสียงสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรในสภา ซึ่งพบว่าเสียงของพรรคร่วมรัฐบาล 321 เสียงมีความแตกแยก ไม่เป็นเอกภาพ และมีแนวโน้มว่าเสียงสนับสนุนในวาระแรกอาจไม่ถึงครึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ 493 คน
หากร่างกฎหมายฉบับนี้ถูกปัดตก จะเข้าข่ายเป็นร่าง พ.ร.บ.การเงิน ทำให้นายกรัฐมนตรีต้องแสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกตามรัฐธรรมนูญ
จากรายงานของกรุงเทพธุรกิจ ระบุว่า "นายกฯแพทองธาร - ทักษิณ" ยอมถอยหนึ่งก้าว ถอนฟืนจากกองไฟ ไม่ฝืนผลักดันให้สภาฯ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. เพราะประเมินกระแสต้านค่อนข้างรุนแรง อาจสุ่มเสี่ยง ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล
ปฏิบัติการเลื่อนวาระการประชุมสภาฯ แซงคิววาระอื่น ทำให้ “แนวต้าน” มีคำถามถึงความจำเป็นอย่างเร่งรีบของรัฐบาล
อีกทั้งรัฐบาลยังมีบทเรียนจาก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย โหวตลักหลับช่วงกลางดึก ส่งผลให้แพ้ทั้งกระดานมาแล้ว
ที่สำคัญการออกมาแอ็กชั่นของ “สว.สีน้ำเงิน” เตรียมร้องเอาผิด สส. หากโหวตผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว โดยจะยื่นตรวจสอบจริยธรรมต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และศาลรัฐธรรมนูญ เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ “ผู้นำรัฐบาล” ต้องยอมถอย
ด้านความเคลื่อนไหวของ ไชยชนก ชิดชอบ เลขาฯพรรคภูมิใจไทย ลูกชายคนโตของ “ครูใหญ่” เนวิน ชิดชอบ ผู้นำจิตวิญญาณของสายสีน้ำเงิน ส่งสัญญาณพร้อม “โหวตสวน” ร่างกฎหมายดังกล่าว
ท่าทีของ “สายสีน้ำเงิน” ทำให้คาดการณ์กันว่า ร่างพ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะไม่ถูกนำมาพิจารณาในสภาฯ อีกต่อไป เนื่องจากพรรคภูมิใจไทย และสว.โชว์จุดยืนค่อนข้างเข้มแข็ง
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด "ทักษิณ" ยืนยันว่า จะเดินหน้าผลักดันร่างกฎหมายให้สำเร็จ โดยเชื่อมั่นว่า “พรรคร่วมรัฐบาล” สามารถเคลียร์ปัญหาคาใจกันได้
ทว่า ระยะเวลาอีกกว่า 2 เดือนครึ่ง ก่อนจะเปิดสมัยประชุมสภาฯในวันที่ 3 ก.ค. หาก “ทักษิณ - นายกฯแพทองธาร” ต้องการกลับมาผลักดัน ร่างพ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไปต่อจนสำเร็ว ย่อมมีหลายเงื่อนปมต้องสะสางกันภายในรัฐบาลให้ได้ข้อยุติเสียก่อน
ปมแรกความสัมพันธ์ของ “พรรคร่วมรัฐบาล” โฟกัสไปที่ “พรรคภูมิใจไทย” ซึ่งมีเสียงอยู่ 70 เสียง ถือเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอันดับสอง หาก “ทักษิณ” กับ “เนวิน” เคลียร์ใจกันไม่ได้ การขับเคลื่อนงานรัฐบาลให้เดินหน้าจะชะงักทันที
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การเมืองคือการต่อรองผลประโยชน์ ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวออกมาตลอดว่า “เบอร์หนึ่งสีน้ำเงิน” ต้องการตั๋วรัฐบาลเพื่อให้ จ.บุรีรัมย์ มีเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เพราะต้องการสร้างให้ “เมืองหลวงสีน้ำเงิน” มีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ แต่ในแผนของรัฐบาลไม่มี จ.บุรีรัมย์ อยู่ในตัวเลือก ทำให้ท่าทีของ “ขุนพลสีน้ำเงิน” ออกมาตรงกันข้ามกับท่าทีของ “เครือข่ายค่ายสีแดง”
ก่อนหน้านี้ “นายกฯแพทองธาร” เดินทางไปยังสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ส่งสัญญาณเชิงบวกการต่อสัญญาโมโตจีพี ซึ่งเหลืออีกเพียง 1 ปี การปรากฏตัวของ “เบอร์หนึ่งตึกไทยคู่ฟ้า” ทำให้คาดการณ์กันว่า ดีลโมโตจีพีคงผ่านฉลุย ไร้ปัญหา
เมื่อ “ขุนพลสีน้ำเงิน” ดาหน้าออกมาถล่มร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จึงมองเป็นอื่นไม่ได้ และอาจส่งผลกระทบต่อการต่อสัญญาโมโตจีพีไปด้วย
“ทักษิณ” พูดถึงความขัดแย้งกับ “พรรคภูมิใจไทย” ว่า “วันนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรพรรคภูมิใจไทยก็เป็นส่วนหนึ่งของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งเป็นพรรคที่ใหญ่อันดับ 2 ของพรรคร่วมรัฐบาล แต่พรรคร่วมรัฐบาลก็มีจำนวนมากพอ ไม่ได้มีปัญหาอะไร ซึ่งพรรคภูมิใจไทยก็รู้ดีว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร ถ้าหากจะมีการไม่เข้าใจกัน”
ฉะนั้นต้องจับตาดีลการเมืองระหว่าง “ทักษิณ” กับ “เนวิน” จะหาจุดตรงกลางลงตัวได้หรือไม่ หากเคลียร์กันได้ “รัฐบาลแพทองธาร” ก็ได้ไปต่ออย่างราบรื่นขึ้น แต่หากเคลียร์กันไม่ได้ อาจจะเห็นการจับ “ขั้วพรรคร่วมรัฐบาล” ขึ้นมาใหม่
ปมสอง “สว.สีน้ำเงิน” ถือเป็นก้างขวางคอ “ทักษิณ-ขุนพลเพื่อไทย” เพราะทำให้แรงต่อรองของ “เนวิน - เครือข่ายสีน้ำเงิน” เพิ่มทวีคูณ เนื่องจากต้องอาศัยเสียงของ สว.สีน้ำเงิน ในการผ่านร่างกฎหมาย ที่สำคัญช่องทางของวุฒิสภาในการยื่นตรวจสอบกรณีต่างๆ สามารถเล่นงานคู่แค้นได้อย่างรวดเร็ว
ยิ่ง “ทักษิณ - เพื่อไทย” วางเกมแตกหัก ใช้บริการของคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) สอบปม “ฮั้วเลือก สว.” ยิ่งทำให้ “สว.สีน้ำเงิน” ไม่พอใจ จนภูมิใจขวางทุกเรื่อง โดย “ทักษิณ” ส่งสัญญาณว่า “เรื่องของ สว.ไม่เป็นอะไร เรื่อง สว. เป็นเรื่องของสว.”
ปฏิบัติการของ “นายใหญ่-ขุนพลสีแดง” ต้องการตี“สว.สีน้ำเงิน” ให้แตกตัวออกจากกัน การสอบ“ฮั้วเลือก สว.”กว่า 2 หมื่นคน มีเป้าหมายแยกปลาออกจากน้ำ หาก สว.คนใดให้ความร่วมมือมีโอกาสกันมาเป็นพยาน ก่อนจะตีโอบให้มาอยู่ร่วม“ค่ายสีแดง”
ยุทธวิธีดังกล่าว ไม่ง่ายเหมือนคิด เพราะ สว.สีน้ำเงิน แพ็กกันค่อนข้างเหนียวแน่น จึงติดตามว่า “ทักษิณ - ขุนพลเพื่อไทย” จะใช้วิธีจัดการกับ สว.สีน้ำเงิน อย่างไร
ปมสาม “วงในรัฐบาล” มีแนวคิดเปิดเวทีทำความเข้าใจกับประชาชน เพื่อลด “มวลชนต่อต้าน” เพิ่ม“แนวร่วมสนับสนุน” ถือเป็นโจทย์ใหญ่มาก ซึ่งที่ผ่านมาการสื่อสารของ “ขั้วรัฐบาล” เพื่อให้ประชาชนเข้าใจ “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ซึ่งมี “กาสิโน” เป็นส่วนหนึ่งมีน้อยมาก
แตกต่างจาก “มวลชนต่อต้าน” สามารถยกหลากหลายเหตุผล มาจุดประเด็นให้มีแนวร่วมมากขึ้น จาก “กลุ่มหลอมรวมประชาชน” มาสู่หลายกลุ่มต้านร่วมลงชื่อคัดค้าน จนทำให้รัฐบาลยอมถอย
“ทักษิณ” อธิบายว่า “การไม่เห็นด้วยของคนบางคน ที่ใช้คำว่ากาสิโน ซึ่งมันไม่ใช่กาสิโน เป็นส่วนเล็กๆ ของเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ใช่กาสิโนเป็นหลัก คนที่มาต่อต้านก็จะพูดแต่กาสิโนอย่างเดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่บิดเบือน”
เมื่อธงของ "ทักษิณ - ขุนพลเพื่อไทย" คือการสานฝันให้เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เกิดขึ้นให้ได้ การทำความเข้าใจกับ "มวลชน" เพื่อให้เกิด "แนวร่วมสนับสนุน" จึงสำคัญอย่างมาก
ทั้งหมดคือ 3 ปมที่ “ทักษิณ-นายกฯแพทองธาร”ต้องเร่งปฏิบัติการ หากต้องการผลักดันให้ประเทศไทยมี “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ซึ่งมี "กาสิโน" เป็นส่วนหนึ่งสำเร็จ
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง