“ทวี” พร้อมดีเอสไอ สอบสมเกียรติ ปมถูกปลอมลายเซ็น-แอบอ้างชื่อ คุมก่อสร้างตึก สตง. เตรียมส่งลายเซ็น ตรวจพิสูจน์นิติวิทยาศาสตร์
จากกรณีที่นายสมเกียรติ ชูแสงสุข ประธานคลินิกช่าง วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ได้แจ้งความดำเนินคดีที่ สน.วังทองหลาง จากกรณีถูกแอบอ้างชื่อและปลอมลายเซ็นเป็นผู้ควบคุมงาน กิจการร่วมค้า PKW (ประกอบด้วย บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด บริษัท ว. และสหายคอลซัลแตนตส์ จำกัด และบริษัท เคพี คอนชัลแทนส์ จำกัด) ที่เป็นคู่สัญญาผู้ควบคุมงานก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. และนายสมเกียรติ
วันนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI โดยกองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (กองคดีฮั้วประมูล) ได้นายสมเกียรติ มาให้ข้อมูลในประเด็นดังกล่าว โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้เดินทางมาร่วมสอบปากคำด้วย
โดยภายหลังคุยกันนานกว่า 1 ชั่วโมง พ.ต.อ.ทวี พร้อมด้วย ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดี DSI และนายสมเกียรติ ได้แถลงข่าวร่วมกัน โดย พ.ต.อ.ทวี เปิดเผยว่า วันนี้นายสมเกียรติมาให้ข้อมูลในฐานะพยาน และจะเซ็นลายเซ็นของจริง เพื่อส่งตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์เทียบกับลายเซ็นในเอกสารที่ปรากฏตามเอกสาร ซึ่งหากตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ตรงกันก็ถือว่าเป็นพิรุธอย่างหนึ่ง ซึ่งสามารถตั้งข้อสังเกตว่า มีการควบคุมงานการก่อสร้างจริงหรือไม่ และควบคุมโดยใคร
ซึ่งตามปกติแล้วหน่วยงานราชการที่ต้องการก่อสร้างอาคารจะให้กรมโยธาธิการและผังเมือง หรือกรมศิลปากรเป็นผู้ออกแบบ แต่อาคาร สตง. ทั้งสองหน่วยงานไม่ได้เป็นผู้ออกแบบซึ่งจากการสอบถามกรมโยธาฯ ชี้แจงว่า สตง. ขอให้เร่งออกแบบภายใน 180 วัน ซึ่งทางกรมไม่สามารถดำเนินการได้ทัน จึงต้องไป จ้างบริษัทเอกชนออกแบบซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกแต่จากการตรวจสอบพบว่าผู้ออกแบบมีอายุ 80 ปี ซึ่งทั้งหมดจะต้องได้รับการตรวจสอบ
ขณะที่นายสมเกียรติ กล่าวว่า วันนี้ย้ำอยู่เพียง 2 เรื่องคือ ตนไม่ใช่ผู้ควบคุมงาน ไม่เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้าง สตง. และถูกปลอมลายเซ็น ซึ่งตนได้แจ้งความกับ สน.วังทองหลางไว้แล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ปลอมลายเซ็น ส่วนจะมีการฟ้องร้องทางแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายหรือไม่นั้นต้องขอปรึกษาก่อน เพราะการจะทำอะไรต้องทำอย่างรอบคอบ
พร้อมยืนยันว่า ไม่รู้จักนายปฏิวัติ ศิริไทย กรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันกับกิจการร่วมค้า PKW แต่ไม่ขอตอบว่ารู้จักใครในบริษัทนี้หรือไม่ และไม่บอกว่าใครที่เดินทางมาชวนไปทำงานด้วยเมื่อปี 2563 บอกเพียงว่าเป็นคนที่รู้จักกันมานานแล้ว เพราะแค่ต้องการยืนยันว่าเอกสารใบผู้ควบคุมงานที่ปรากฏตามข่าวเป็นของปลอม ตนไม่ได้ทำงานควบคุมการก่อสร้างมานานกว่า 20 ปีแล้ว สามารถตรวจสอบจากสภาวิศวกรได้ว่าตนเองเคยไปขออนุญาตควบคุมงานก่อสร้างโครงการนี้หรือไม่
ด้าน ร.ต.อ.สุรวุฒิ เปิดเผยว่า ข้อมูลที่ได้ในวันนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของคดี 3 คนไทย เป็นนอมินีถือครองหุ้นบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 เพราะมีความเชื่อมโยงกันเกี่ยวกับทำงานตั้งแต่การออกแบบจนถึงการก่อสร้าง ซึ่งการปลอมเอกสารเป็นสาเหตุของเรื่องหลายอย่าง จึงถือเป็นจิ๊กซอว์หนึ่งที่ต่อเชื่อมว่ามีการทำผิดอะไรบ้าง ซึ่งในการดำเนินคดีจะมีการพูดคุยแลกข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตลอด ซึ่งขณะนี้ยังถึงขั้นต้องไปตรวจสอบย้อนหลังว่ามีเคสปลอมแปลงลายเซ็นของบริษัท PKW หรือไม่เพราะต้องตรวจสอบตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ แต่หากมีข้อมูลก็จะต้องขยายผลอย่างแน่นอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง