รัฐบาลไต้หวันอนุมัติโครงการ Long-term care 3.0 รองรับสังคมผู้สูงอายุ เปิดทางสินค้าไทย ทั้งอาหาร และ Medical Tourism บุกตลาดใหม่ พร้อมเชิญชวนลงทุนธุรกิจดูแลผู้สูงวัย
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เผยผลการสำรวจโอกาสการค้าในตลาดไต้หวัน โดยระบุว่าไต้หวันกำลังก้าวเข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด” ในปี 2568 ซึ่งหมายความว่า 1 ใน 5 ของประชากรจะมีอายุเกิน 65 ปี รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง และล่าสุดได้อนุมัติโครงการ Long-term care 3.0 ซึ่งเป็นโครงการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุและผู้ที่ต้องการการดูแลพิเศษ
นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดี DITP ระบุว่า เป็นโอกาสดีของไทยในการผลักดันสินค้าส่งออก เช่น อาหาร สินค้าไลฟ์สไตล์ และบริการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) ให้ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้สูงอายุในไต้หวัน พร้อมทั้งแนะนำให้ผู้ประกอบการไทยพิจารณาการลงทุนในธุรกิจดูแลผู้สูงวัย เช่น ศูนย์ดูแลรายวัน บริการฟื้นฟู หรือที่พักระยะยาว
โครงการ Long-term care 3.0 ที่ไต้หวันเพิ่งอนุมัติเมื่อ 13 มีนาคม 2568 นี้ เป็นการต่อยอดจากโครงการเวอร์ชัน 2.0 ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2559 ด้วยงบประมาณกว่า 2,810 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจุบันมีสถานดูแลเพิ่มจาก 720 แห่ง เป็นกว่า 15,000 แห่งแล้ว
โครงการ 3.0 มุ่งเน้น 5 แนวทางหลัก ได้แก่ :
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับบริการในชุมชนและพื้นที่ห่างไกล รวมถึงการพัฒนาศูนย์ดูแลขนาดเล็กที่ให้บริการหลายรูปแบบ เช่น ศูนย์ดูแลกลางวัน ที่พักชั่วคราว บริการฟื้นฟูสมรรถภาพ และเพิ่มเตียงสำหรับการดูแลช่วงกลางคืน
รัฐบาลไต้หวันได้วางแผนให้โครงการ Long-term care 3.0 เริ่มดำเนินการเต็มรูปแบบในปี 2571 ถือเป็นโอกาสทองสำหรับธุรกิจไทย โดยเฉพาะกลุ่มอาหารสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ดูแลผู้สูงอายุ และบริการเชิงสุขภาพ
นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเข้าไปลงทุน เช่นเดียวกับความสำเร็จของบริษัทญี่ปุ่น Genki Group ที่เข้ามาตั้งศูนย์ดูแลในเมืองไถหนานตั้งแต่ปี 2555 โดยพัฒนา Day Care Center, Long Stay Center, สถานดูแลเต็มรูปแบบ และร้านขายสินค้าสำหรับผู้สูงอายุ จนปัจจุบันสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของไต้หวัน
DITP แนะนำให้ผู้ประกอบการที่สนใจศึกษาตลาดอย่างจริงจัง โดยสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่:
📍 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)
🌐 www.ditp.go.th
☎️ สายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร. 1169