svasdssvasds

ชาวอุยกูร์ขอบคุณ "ไทย-สีจิ้นผิง" หลังกลับมาเหมือนได้เกิดใหม่

ชาวอุยกูร์ขอบคุณ "ไทย-สีจิ้นผิง" หลังกลับมาเหมือนได้เกิดใหม่

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย ชาวอุยกูร์ขอบคุณ "ไทย-สีจิ้นผิง" หลังกลับมา เหมือนได้เกิดใหม่ ...ได้พบหน้าลูกที่จากกันไปนานนับสิบปี

ภารกิจทำความจริงให้ปรากฏ "ซินเจียงอุยกูร์" วันที่ 2

หลังจากที่ได้พบกับอิหม่าม ผู้นำจิตวิญญาณชาวอุยกูร์ ที่ย้ำว่าไม่ต้องกังวล พวกเขาอยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุขแล้ว คณะของ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง และเจ้าหน้าที่ไทยได้เดินทางกว่า 300 กิโลเมตร เพื่อพบครอบครัวที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งหลังไม่ได้พบหน้ากันนานถึง 11 ปี

ชายชาวอุยกูร์ ที่ถูกส่งกลับขอบคุณ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และรัฐบาลไทยที่ช่วยให้เขาได้กลับบ้าน ยืนยันว่าเขาไม่รู้หนังสือและไม่เคยเขียนจดหมายออกมาแต่อย่างใด ในขณะเดียวกัน แม่ของเขาได้ร้องเพลงอุยกูร์ให้คณะฟัง ซึ่งมีความหมายว่า "ดวงดาวที่ส่องสว่างบนฟ้า เป็นประกายเหมือนตาของแม่"

ชาวอุยกูร์ขอบคุณ \"ไทย-สีจิ้นผิง\" หลังกลับมาเหมือนได้เกิดใหม่

 

การเดินทางของคณะเจ้าหน้าที่ไทยเพื่อเยี่ยมชาวอุยกูร์

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พลตำรวจเอก ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมาเยี่ยมชาวอุยกูร์ที่ถูกไทยส่งกลับเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์

สถานที่ที่เดินทางไปนั้นอยู่ห่างจากโรงแรมที่พักในตัวเมืองคาซือกว่า 300 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางกว่า 3 ชั่วโมง โดยเดินทางผ่านทางด่วนพิเศษระยะทางประมาณ 230 กม. จากนั้นเข้าสู่เส้นทางชนบทอีกกว่า 70 กม. เพื่อไปยังบ้านพักของชาวอุยกูร์ที่เพิ่งเดินทางกลับจากประเทศไทย

ชีวิตใหม่หลังกลับสู่ซินเจียง

เมื่อไปถึง คณะได้เข้าเยี่ยมครอบครัวของชายชาวอุยกูร์ ซึ่งอาศัยอยู่ใน บ้านปูนชั้นเดียวแบบชาวเกษตรกร โดยมี พ่อ แม่ ภรรยา และลูกสาววัย 14 ปี ร่วมให้การต้อนรับ พันตำรวจเอก ทวี ได้สอบถามถึงความเป็นอยู่หลังถูกส่งตัวกลับ

ชายชาวอุยกูร์กล่าวว่า "รัฐบาลท้องถิ่นได้พาไปตรวจสุขภาพโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และพาเที่ยวในเมืองเพื่อให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของซินเจียง" ทำให้เขารู้สึกสบายใจและพบว่าครอบครัวของเขายังปลอดภัย

ปัจจุบันเขาอายุ 36 ปี ก่อนหน้านี้มีลูก 3 คน และประกอบอาชีพเป็นช่างตัดผม แต่เมื่อหนีออกนอกประเทศ บ้านของเขายังไม่มี ซึ่งรัฐบาลได้สนับสนุนเงิน 28,500 หยวน (ประมาณ 140,000 บาทไทย) เพื่อสร้างบ้าน ปัจจุบันเขาอาศัยอยู่กับพ่อแม่ ภรรยา และทำเกษตรกรรม

เหตุผลที่ชาวอุยกูร์หนีออกนอกประเทศ

คณะได้สอบถามถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ชายชาวอุยกูร์ต้องหนีออกจากประเทศ เขาเล่าว่า "กลุ่มก่อการร้ายได้โกหกตนหลายเรื่อง ทำให้ตัดสินใจหนีออกนอกประเทศ และติดอยู่ในประเทศไทยนานถึง 11 ปี"

แต่ปัจจุบัน เมื่อได้กลับบ้าน เขากล่าวว่าเขามีอาชีพเป็นชาวนา และ "ขอยืนยันว่าไม่มีการบังคับหรือถูกทำร้ายใดๆ ตนมีเสรีภาพ 100%" พร้อมทั้งขอบคุณ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจากประเทศไทย ที่ช่วยให้เขาได้กลับบ้าน

เขายังเผยว่า "ตอนกลับมาใหม่ๆ ก็ค่อนข้างเครียด แต่เมื่ออยู่มานานกว่าหนึ่งเดือน ก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น เพราะรัฐบาลท้องถิ่นมีน้ำใจกับตนและครอบครัว"

 

การศึกษาของชายชาวอุยกูร์ และยืนยันว่าไม่เคยเขียนจดหมายจากไทย

พันตำรวจเอก ทวี ได้สอบถามเรื่องการศึกษา ซึ่งชายชาวอุยกูร์กล่าวว่า "ตนไม่ได้เรียนหนังสือ แม้แม่จะเป็นครูที่อยากให้เรียน แต่ตนไม่เชื่อฟังตั้งแต่เด็ก"

นอกจากนี้ เขายัง ยืนยันว่าไม่เคยเขียนจดหมายใดๆ ออกมาจากประเทศไทย ข้อความนี้เป็นสิ่งที่เขาต้องการสื่อให้คณะผู้มาเยี่ยมเข้าใจ

บรรยากาศความอบอุ่นของครอบครัว

บรรยากาศของการพูดคุยเป็นไปอย่างอบอุ่น มารดาดูมีความสุขมากหลังได้พบกับลูกชาย และกอดหอมแก้มแสดงความคิดถึง ขณะที่ลูกสาววัย 14 ปีได้สวมกอดพ่อของเธอ เพราะตอนที่พ่อติดอยู่ในประเทศไทย ลูกสาวยังเป็นเด็กเล็กเพียง 3-4 ขวบ

จากนั้น ครอบครัวได้ร้องเพลงพื้นบ้านให้คณะฟัง ซึ่งมีความหมายว่า "ดวงดาวที่ส่องสว่างบนฟ้า เป็นประกายเหมือนตาของแม่" ต่อมามารดาได้ร้องอีกเพลงที่ชื่นชมและขอบคุณคุณแม่ที่ดูแลลูกจนเติบโต

วัฒนธรรมและประเพณีของครอบครัวอุยกูร์

ในโอกาสนี้ ครอบครัวยังได้เชิญคณะของพันตำรวจเอก ทวี ฯ ร่วมรับประทานขนมว่างที่จัดเตรียมไว้ พันตำรวจเอก ทวี ได้สอบถามถึงประเพณีของอาหารในช่วงรอมฎอน

คุณแม่ของชายชาวอุยกูร์กล่าวว่า "อาหารแบบนี้มีทุกบ้าน เป็นประเพณีท้องถิ่น จัดเตรียมไว้แบบนี้ทุกวัน ไม่ว่าจะมีแขกมาหรือไม่ ส่วนเดือนรอมฎอนก็สามารถทานได้"

สุดท้าย พันตำรวจเอก ทวี กล่าวปิดท้ายว่า "วันนี้มาเยี่ยมเพื่อดูความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของครอบครัว เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกสบายใจ และขออวยพรให้ครอบครัวมีความสุขสมหวัง"

related