svasdssvasds

เครดิตบูโร เปิดข้อมูล "หนี้ครัวเรือน" หนี้เสีย 1.2 ล้านล้าน เข้าขั้นวิกฤตแล้ว

เครดิตบูโร เปิดข้อมูล "หนี้ครัวเรือน" หนี้เสีย 1.2 ล้านล้าน เข้าขั้นวิกฤตแล้ว

เครดิตบูโร เปิดข้อมูลหนี้ครัวเรือน เผยมีคนไทย 25% หรือ 5 ล้านคนมีสุขภาพทางการเงินดีที่ยื่นกู้สินเชื่อได้ ชี้หนี้เสีย 1.22​ ล้านล้านบาท สะท้อนปัญหาระดับวิกฤต

นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “Surapol Opasatien” ว่า ท่ามกลางบทสนทนาเกี่ยวกับการซื้อ ๆ ขาย ๆ สิทธิ​เรียกร้อง หรือที่เรียกว่าหนี้สินระหว่างเจ้าหนี้เก่าไปยังเจ้าหนี้ใหม่ (ถ้าจะมีเหตุการณ์​เกิดขึ้น)​ ผมขอดึงกลับมาที่สถานะของสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน​ ณ​ เดือนมกราคม​ 2568​ ให้เห็นก่อนว่า​ ข้อมูล, ข้อเท็จจริง​ เวลานี้มันเป็นอย่างไรกันบ้าง​ ข้อมูล​นี้ไม่มีเป้าหมายสนับสนุนคนเห็นด้วย​ คนเห็นต่าง​ แต่อยากเห็นการใช้ความรู้บนข้อมูล​ ไม่ใช่ใช้ความรู้สึกแบบไม่มีข้อมูล​นะครับ

ข้อมูล​สถิติที่ไม่มีตัวตนจากเครดิตบูโร​จำนวนกว่า​ 27 ล้านลูกหนี้​ ไปแยกแยะสุขภาพ​ทางการเงินจากภาระหนี้สิน

ภาพแรก​ เป็นภาพที่จัดทำโดยสถาบันวิจัยป๋วย​ ซึ่งมีนักวิจัยที่เก่งมาก ๆ​ ท่านเหล่านั้นได้นำข้อมูล​สถิติที่ไม่มีตัวตนจากเครดิตบูโร​จำนวนกว่า​ 27 ล้านลูกหนี้​ ไปแยกแยะสุขภาพ​ทางการเงินจากภาระหนี้สินแล้วนำไปนำเสนอในงานสัมมนาวิชาการ​ของธนาคารกลางปีที่แล้ว​ ข้อมูล​มันบอกว่า​ ในระบบการเงินของเราเวลานี้มีคนที่มีสุขภาพทางการเงินในระดับดี​ ซึ่งน่าจะพอยื่นกู้ได้เพียง​ 25% ครับ​ ที่เหลือก็ดูจะมีเงื่อนไขที่ดูจะยากในการได้รับอนุมัติตามมาตรฐานสินเชื่อในปัจจุบันที่เข้มถึงเข้มมาก​

 

 

ภาพใหญ่ของสินเชื่อในระบบที่มีการส่งข้อมูล​มาที่เครดิตบูโร​ทุกเดือน​

ตามมาด้วยภาพที่สองซึ่งเป็นภาพใหญ่ของสินเชื่อในระบบที่มีการส่งข้อมูล​มาที่เครดิตบูโร​ทุกเดือน​ ตัวเลขคือ​ 13.6 ล้านล้านบาท​ ถ้าบวกเพิ่มด้วยหนี้ที่สหกรณ์​ออมปล่อยกู้สมาชิกและ กยศ. และอื่น ๆ ก็จะไปอยู่ที่​ 16.3 ล้านล้านบาทที่เราเรียกว่าหนี้ครัวเรือนนั่นเอง

การเติบโตของหนี้ของบุคคลธรรมดาในระบบเท่ากับ​ -​0.5% YOY หมายถึงสินเชื่อรายย่อยมันแทบไม่ขยับ​ เราจึงเห็นการบ่นทั่วแผ่นดินว่ากู้ไม่ได้​ กู้ไม่ผ่าน​ อัตราการปฏิเสธการให้สินเชื่ออยู่ในระดับที่สูง​ หลายท่านคงเห็นด้วยกับผม​ ไปดูรายงานในหลายที่หลายแห่งก็พูดถึงการหดตัวของสินเชื่อรายย่อย, SMEs เป็นต้น

เจาะลงไปในไส้ในของหนี้ของนาย-ก. นาย-ข. จะพบว่า 1.22​ ล้านล้านบาทเป็นหนี้เสีย​ NPLs คิดเป็นจำนวนทุกประเภทสินเชื่อ​ 9.5 ล้านบัญชีครับ

และ 5.8 แสนล้านบาทเป็นหนี้ที่กำลังจะเสีย, หนี้กล่าวถึงเป็นพิเศษ หรือหนี้​ SM จำนวน​ 1.9 ล้านบัญชี

หนี้เสียไปแล้ว จากนั้นนำมาปรับโครงสร้างหนี้ที่มีปัญหา หรือก็คือหนี้​ NPLs เอามาทำ​ TDR กลายเป็นหนี้ปรับโครงสร้างอีก​ 1 ล้านล้านบาท คิดเป็น​ 3.7 ล้านบัญชีครับ

ต่อมาคือหนี้ที่เริ่มค้างชำระ หรือเริ่มมีปัญหา แต่ยังไม่เกิน​ 90 วัน ซึ่งมีการรีบเร่งเอามาทำการปรับโครงสร้างหนี้เชิงป้องกัน หรือทำ​ DR เพื่อให้กลับมาเป็นหนี้ปกติ​ เริ่มเก็บข้อมูล​เดือนเมษายน​ 2567​ ตอนนี้ยอดสะสมเท่ากับ​ 9.2 แสนล้านบาท จำนวน​ 1.7 ล้านบัญชีครับ

ท่านผู้มีเกียรติ​ทุกท่านครับ​ ด้วยตัวเลขหนี้ที่มีลักษณะ​ต่าง ๆ ข้างต้น​ ด้วยจำนวนมูลหนี้เป็นบาท​ ด้วยจำนวนที่นับเป็นบัญชี​แล้ว​ เรามีปัญหาระดับที่อาจเรียกว่าวิกฤตได้นะครับ​

การฟื้นตัวของรายได้ไม่มากพอ​ ไม่ทั่วถึง​ ยังมาไม่เต็มที่ และไม่เหมือนเดิม​ ประกอบกับคนที่พยายามจะขอกู้ติดกำแพง ดังนี้

ชนกำแพงอายุ​ เพราะถ้าจะต้องผ่อนเกินอายุ​ 60, 65 ปี​ ใครเขาจะให้กู้

ชนกำแพงรายได้​ เพราะมันมีข้อกำหนดเรื่อง​ Debt​ to income, หนี้ต่อรายได้​ ว่าเต็มศักยภาพ​ในการหารายได้มาจ่ายหนี้ถ้าจะก่อเพิ่มได้มั้ย

ชนกำแพงสถานะทางเครดิตคือ​ เป็นคนเคยค้างชำระมั้ย​ เป็นคนที่กำลังค้างอยู่มั้ย​ เป็นหนี้เสียมั้ย​ เคยเป็นหนี้ปรับโครงสร้าง​มั้ย​ สารพัดในคุณลักษณะ​ครับ​ อย่างที่กล่าวข้างต้น​ เรามีคนสุขภาพ​ทางการเงินดี​ 25% หรือประมาณ​ 5 ล้านคน​ ซึ่งหลายคนไม่มีความจำเป็นต้องกู้

ภาระหนี้สินกองเป็นภูเขาหลังจากเจอหลุมรายได้​ มันฉุดกระชากเศรษฐกิจ, เซาะกร่อนบ่อนทำลาย​รากฐานความเข้มแข็ง​ของเศรษฐ​กิจ​ ดังนั้น มาตรการที่กำลังแก้อยู่ ไม่ว่า​ คุณสู้​ เราช่วย​ จ่ายตรง​ คงทรัพย์​ ปิดจ่ายจบ​ หรือที่กำลังวิวาทะฝุ่นตลบ​ หากทางใดทางหนึ่ง​ หรือทางหนึ่งทางใดจะทะลุปัญหานี้​ นอกเหนือจากออกมาพูดเก๋ไก๋​ ว่าเป็นเรื่องโครงสร้าง แต่ไม่บอกวิธีแก้ชัด ๆ​ แล้วหล่ะก็​ เราควรใจกว้าง ๆ​ ใจร่ม ๆ​ เปิดรับฟังวิธีการ​ เราควรสู้กับเรื่อง​ ไม่ใช่สู้กับคนให้มีเรื่อง​ ต้องคิดบวก​ ไม่ใช่พร้อมบวก​ บ้านเมืองมันถึงจะวิวัฒน์​ ถ้าติไปทุกเรื่องมันก็วิบัติ

ที่มา : Surapol Opasatien

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

 

related