SHORT CUT
'โดนัลด์ ทรัมป์' เซ็นคำสั่งเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม 25% กระทบแคนาดา เม็กซิโก เยอรมนี และผู้ส่งออกจากเอเชีย
หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เปิดเผยว่า เตรียมจัดเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมทั้งหมด 25 % จากการนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมมายังสหรัฐฯ นอกเหนือจากภาษีนำเข้าโลหะที่มีอยู่เดิม ซึ่งถือเป็นการยกระดับนโยบายการค้าครั้งสำคัญ โดยจะประกาศอัตราภาษีนำเข้าโลหะใหม่ในวันจันทร์นี้
นอกจากนี้เตรียมประกาศขึ้นภาษีศุลกากรในวันอังคารหรือวันพุธ โดยจะมีผลบังคับใช้เกือบจะทันทีโดยจะนำไปใช้กับทุกประเทศและเท่ากับอัตราภาษีที่เรียกเก็บโดยแต่ละประเทศ
เมื่อปี 2567 เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นสินค้าส่งออกของไทยไปสหรัฐฯ อันดับที่ 11 มูลค่า 1,205.23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 40,000 ล้านบาท
แหล่งที่ใหญ่ที่สุด คือ แคนาดา บราซิล และเม็กซิโก รองลงมาคือเกาหลีใต้และเวียดนาม ตามข้อมูลของรัฐบาลและสถาบันเหล็ก และเหล็กกล้าแห่งอเมริกา
แคนาดา เป็นประเทศที่เปี่ยมไปด้วยพลังงานน้ำถือเป็นซัพพลายเออร์โลหะอะลูมิเนียมขั้นต้นรายใหญ่ที่สุดให้กับสหรัฐ โดยคิดเป็น 79% ของการนำเข้าทั้งหมดในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2567 โดยเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมของแคนาดาสนับสนุนอุตสาหกรรมหลักในสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นด้านการป้องกันประเทศ การต่อเรือ และยานยนต์
ล่าสุดโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ได้ลงนามในคำสั่งจัดเก็บภาษี 25% สำหรับการนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมแล้ว โดยโลหะทั้งสองชนิดเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงการขนส่ง การก่อสร้าง การบรรจุภัณฑ์
การนำเข้าอะลูมิเนียมของอเมริกาเพิ่มขึ้น 14% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยการส่งออกโลหะของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2020
ช่วงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งแรก ทรัมป์ได้กำหนดภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากแคนาดา เม็กซิโก และสหภาพยุโรป นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้กำหนดข้อจำกัดด้านปริมาณการนำเข้าจากประเทศต่างๆ เช่น เกาหลีใต้ อาร์เจนตินา และออสเตรเลีย
รายงานล่าสุดจาก Congressional Research Service พบว่าในช่วง 5 เดือนแรกของนโยบายนี้ รัฐบาลทรัมป์สามารถจัดเก็บรายได้ได้มากกว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์
ในปี 2024 สหรัฐฯ นำเข้าเหล็กจาก 79 ประเทศ และนำเข้าอะลูมิเนียมจาก 89 ประเทศ โดยมูลค่าการนำเข้ารวมกันอยู่ที่มากกว่า 49,000 ล้านดอลลาร์
ทั้งแคนาดา และเม็กซิโกถือเป็นผู้ส่งออกเหล็กกล้า และอะลูมิเนียมรายใหญ่ที่สุดไปสหรัฐฯ ดังนั้นจึงมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากภาษีศุลกากรหากมีผลบังคับใช้ แม้ว่าจะได้รับการผ่อนผันชั่วคราวจากภาษีทั่วไปสำหรับสินค้าที่ส่งออกทั้งหมดไปยังสหรัฐฯ ก็ตาม
เยอรมนียังเป็นผู้ส่งออกเหล็กกล้ารายใหญ่ไปยังสหรัฐฯ และมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบเชิงลบจากภาษีนี้
ThyssenKrupp หนึ่งในผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ที่สุดของยุโรป คาดว่าจะมีผลกระทบต่อธุรกิจเพียงเล็กน้อยมากหากสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมจากเหล็กกล้าและอะลูมิเนียม
บริษัทของเยอรมนีกล่าวว่า ยุโรปยังคงเป็นตลาดหลักสำหรับเหล็กกล้า โดยมีเฉพาะผลิตภัณฑ์เฉพาะคุณภาพสูงเท่านั้นที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ซึ่งบริษัทฯ ยังคงรักษา ตำแหน่งทางการตลาดที่ดีไว้ได้
ยอดขายส่วนใหญ่ของ Thyssenkrupp ในสหรัฐมาจากธุรกิจการค้าและธุรกิจอุปกรณ์ยานยนต์ จะเห็นได้ว่า Thyssenkrupp มีตำแหน่งที่ดีในธุรกิจเหล่านี้ในสหรัฐโดยมีส่วนแบ่งที่สำคัญในการผลิตในท้องถิ่นสำหรับตลาดในท้องถิ่น การผลิตส่วนใหญ่สำหรับลูกค้าในสหรัฐอเมริกาเกิดขึ้นภายในสหรัฐ
เกาหลีใต้ เวียดนาม และญี่ปุ่น เป็นประเทศที่มีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าโลหะ หากทรัมป์ยังคงดำเนินนโยบายดังกล่าว
CNBC วิเคราะห์ข้อมูลการค้าของสหรัฐฯ พบว่า การนำเข้าจากเวียดนามเติบโตขึ้นมากกว่า 140% จากปีก่อน นอกจากนี้ ไต้หวันยังส่งออกเหล็กไปยังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 75% ในปี 2024 เมื่อเทียบกับปีก่อน
ที่มาข้อมูล : thansettakij
ข่าวที่เกี่ยวข้อง