svasdssvasds

เผยปม "ประวัติศาสตร์พระนเรศวร" พระมหาอุปราชาอาจถูกปืนยิง

เผยปม "ประวัติศาสตร์พระนเรศวร" พระมหาอุปราชาอาจถูกปืนยิง

เผยปมประวัติศาสตร์พระนเรศวร พระมหาอุปราชาอาจถูกปืนยิง วันกองทัพไทยไม่ใช่ 25 มกราคม ประวัติศาสตร์พระนเรศวรมีข้อโต้แย้งมากมาย

SHORT CUT

  • เดิมทีประเทศไทยเข้าใจผิดว่าวันยุทธหัตถีตรงกับวันที่ 25 มกราคม แต่จากการศึกษาของนักวิชาการพบว่า วันที่ถูกต้องตามปฏิทินปัจจุบันคือ 18 มกราคม
  • เช่นเดียวกับประวัติศาสตร์ไทยกระแสหลักเล่าว่าสมเด็จพระนเรศวรทรงใช้พระแสงของ้าวฟันพระมหาอุปราชาจนสิ้นพระชนม์ แต่มีหลักฐานจากเอกสารต่างชาติหลายฉบับที่ระบุว่าพระมหาอุปราชาเสียชีวิตด้วยสาเหตุอื่น เช่น ถูกปืนยิง
  • การยึดติดกับความเชื่อเดิมๆ อาจทำให้พลาดข้อเท็จจริงที่ซ่อนอยู่ นักประวัติศาสตร์มักจะเชื่อบันทึกจากผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียน้อยที่สุดในเหตุการณ์ การพิจารณาหลักฐานที่แตกต่างกันจะช่วยให้เราเข้าใจประวัติศาสตร์ได้อย่างลึกซึ้งและรอบด้านมากขึ้น

เผยปมประวัติศาสตร์พระนเรศวร พระมหาอุปราชาอาจถูกปืนยิง วันกองทัพไทยไม่ใช่ 25 มกราคม ประวัติศาสตร์พระนเรศวรมีข้อโต้แย้งมากมาย

ประวัติศาสตร์มักถูกบันทึกด้วยความภาคภูมิใจ แต่บางครั้งความภาคภูมิใจนี้กลับมีความซับซ้อนซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในการทำยุทธหัตถีก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่น่าสนใจ ซึ่งเบื้องหลังของวีรกรรมอันเลื่องลือมีเรื่องราวที่มากกว่าที่เราเคยรู้

ไม่ว่าจะเป็นวันกองทัพไทยเป็นวันที่ระลึกถึงวีรกรรมของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในการทำยุทธหัตถี ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ชาติไทย แต่ความเข้าใจเกี่ยวกับวันนี้กลับมีความคลาดเคลื่อนหลายประการ ทั้งในเรื่องวันที่ที่ถูกต้องของการทำยุทธหัตถี และรายละเอียดของการเสียชีวิตของพระมหาอุปราชา 

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับวันกองทัพไทย

เดิมทีประเทศไทยเคยใช้วันที่ 25 มกราคม เป็นวันกองทัพไทย โดยยึดถือว่าเป็น "วันยุทธหัตถี" ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

แต่ในความเป็นจริง นักวิชาการได้ทักท้วงว่าการกำหนดวันที่ 25 มกราคมนั้นผิดพลาด โดย อาจารย์ล้อม เพ็งแก้ว ได้ศึกษาจากพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ ซึ่งระบุว่าวันยุทธหัตถีตรงกับ วันจันทร์ เดือนยี่ แรมสองค่ำ ปีมะโรง จุลศักราช 954 จากการคำนวณพบว่า วันดังกล่าวตรงกับวันที่ 18 มกราคม ตามปฏิทินปัจจุบัน (เกรกอเรียน) และวันที่ 8 มกราคม ตามปฏิทินจูเลียน

ต่อมา ทางกระทรวงกลาโหมได้ยื่นเรื่องไปยังคณะรัฐมนตรี เพื่อขอเปลี่ยนแปลงวันกองทัพไทยเป็นวันที่ 18 มกราคม และได้รับการอนุมัติเมื่อ พ.ศ. 2549

ความแตกต่างของหลักฐานเกี่ยวกับการทำยุทธหัตถี
ประวัติศาสตร์กระแสหลักของไทย เล่าว่า สมเด็จพระนเรศวรทรงท้าทายพระมหาอุปราชาให้ทำยุทธหัตถี และได้ใช้พระแสงของ้าวฟันพระมหาอุปราชาจนสิ้นพระชนม์

โดยพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐ บันทึกว่าพระมหาอุปราชาถูกฟันจนขาดคอช้าง คำให้การชาวกรุงเก่า กล่าวว่าพระมหาอุปราชาถูกฟันด้วยดาบด้ามยาวจนสิ้นพระชนม์ วรรณกรรมเรื่องลิลิตตะเลงพ่าย พรรณนาว่าพระมหาอุปราชาร่างกายร้าวแยกและสิ้นพระชนม์บนคอช้าง

แต่มีหลักฐานจากเอกสารต่างชาติ ที่ให้ข้อมูลแตกต่างออกไป ไม่ว่าจะเป็นจดหมายเหตุชาวดัตช์ (วัน วลิต) ระบุว่าสมเด็จพระนเรศวรใช้ขอช้างโจมตีพระมหาอุปราชา เอกสารของชาก์คส์ เดอ คูเตร ระบุว่าพระมหาอุปราชาถูกหลาวแทงที่คอ เอกสารเปอร์เซีย กล่าวว่าสมเด็จพระนเรศวรแอบซ่อนปืนไว้ใต้ขอช้าง และใช้ขอช้างโจมตีพระมหาอุปราชา พงศาวดารพม่าฉบับอูกาลาและฮฺมันนัน ยาสะวิน ดองจี กล่าวว่า พระมหาอุปราชาถูกยิงด้วยปืนจนสิ้นพระชนม์. เอกสารโปรตุเกสของเพอร์ชาส ระบุว่าพระมหาอุปราชาตายจากกระสุนปืน เอกสารโปรตุเกสของโบคาร์โร กล่าวว่าพระมหาอุปราชาบาดเจ็บจากขวานของสมเด็จพระนเรศวร และถูกทหารโปรตุเกสยิงปืนซ้ำจนเสียชีวิต

ข้อถกเถียงเรื่องการเสียชีวิตของพระมหาอุปราชา

จากหลักฐานที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดข้อถกเถียงว่า แท้จริงแล้วพระมหาอุปราชาเสียชีวิตด้วยเหตุใด ส.ศิวรักษ์ ได้เคยตั้งข้อสงสัยว่า สมเด็จพระนเรศวรอาจไม่ได้ใช้พระแสงของ้าวฟันพระมหาอุปราชา แต่ทรงใช้ปืนยิง ตามที่เอกสารต่างชาติได้กล่าวไว้ นักประวัติศาสตร์บางส่วนเชื่อว่า เอกสารของพม่าและโปรตุเกสมีความน่าเชื่อถือ และมีความเป็นไปได้ที่พระมหาอุปราชาจะเสียชีวิตด้วยลูกปืน

ศ.ดร. สุเนตร ชุตินธรานนท์ กล่าวว่าความขัดแย้งในหลักฐานสะท้อนให้เห็นถึงการรบแบบตัวต่อตัวบนหลังช้างกับการใช้อาวุธสมัยใหม่คือปืนไฟ โดยทั่วไป นักประวัติศาสตร์มักจะเลือกเชื่อบันทึกจากผู้ที่ดูจะมีส่วนได้ส่วนเสียน้อยที่สุดในเหตุการณ์.

จะเห็นได้ว่าข้อถกเถียงเรื่องพระนเรศวรมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวันกองทัพไทยที่ถูกต้องคือวันที่ 18 มกราคม ไม่ใช่ 25 มกราคม หลักฐานทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการทำยุทธหัตถีมีความหลากหลายและขัดแย้งกัน โดยเฉพาะเรื่องการเสียชีวิตของพระมหาอุปราชา เพราะมีหลักฐานจากต่างชาติที่ระบุว่าพระมหาอุปราชาเสียชีวิตจากลูกปืน ไม่ใช่จากการฟันด้วยพระแสงของ้าว การศึกษาประวัติศาสตร์ควรเปิดกว้างและพิจารณาจากหลักฐานที่หลากหลาย ไม่ยึดติดกับความเชื่อเดิมๆ 

เพราะประวัติศาสตร์ไม่ใช่เพียงเส้นตรงของเรื่องราว แต่เป็นพื้นที่ของการตีความ การต่อรอง และมุมมองที่หลากหลาย เรื่องราวของพระนเรศวรสอนเราว่า ความทรงจำทางประวัติศาสตร์มักถูกสร้างสรรค์ด้วยความภาคภูมิใจ และบางครั้งก็ปกปิดความจริงที่ซับซ้อน
การศึกษาประวัติศาสตร์อย่างลึกซึ้งต้องเปิดใจรับฟังหลักฐานจากหลายแหล่ง ไม่ยึดติดกับความเชื่อเดิมๆ เพราะความจริงมักซ่อนอยู่ในรายละเอียดที่ถูกละเลย

อ้างอิง

SilpaMag1 / SilpaMag2 / TSD /

related