สรุปให้เกิดอะไรขึ้นกับ ‘แสตมป์ อภิวัชร์’ จากการเปิดใจบนเวทีว่าภรรยา ‘ถูกคุกคาม’ สู่การถูกแฉเอี่ยวไปเป็นเรื่อง ‘ชู้สาว’
- ‘แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข’ ศิลปินชื่อดัง เปิดใจบนเวทีคอนเสิร์ตว่ามีบุคคลหนึ่งที่ใช้คำว่า ‘ซาแซง’ (ภาษาเกาหลี หมายถึง แฟนคลับที่มีพฤติกรรมล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวของศิลปิน) ตามรังควานตนและภรรยาอย่างหนัก ไปทุกที่ไม่เว้นแต่หน้าโรงแรมหรือบนเครื่องบิน
- มีพฤติกรรมคอยตามถ่ายคลิปตนและภรรยา สร้างเรื่องราวต่างๆ เพื่อนำไปโพสต์ประจาน เป็นเวลากว่า 10 ปี ทำให้คนในและนอกวงการเพลงเข้าใจผิด ยืนยันว่าไม่ได้รู้จักบุคคลนี้เป็นการส่วนตัวมาก่อนจึงรู้สึกว่าตัวเองไม่ปลอดภัย
- ปี 2565 แฟนหนุ่มของคู่กรณี ได้ทำงานให้วงดนตรีวงหนึ่ง หญิงสาวคู่กรณีจึงสามารถเข้าออกหลังเวทีได้อย่างอิสระ ตนจึงเลือกแก้ปัญหาด้วยการเลี่ยงรับงานเดียวกับวงดนตรีวงนี้ หากงานไหนบังเอิญได้พบกันก็จะเป็นเรื่องราวขึ้นมาทุกครั้ง ตนจึงเลือกจ้างบอดี้การ์ด 2 คน เพื่อมาดูแลความปลอดภัย
- ต่อมาคู่กรณีลาออกจากวงเก่าย้ายไปทำงานวงใหม่ ตนจึงติดต่อหาวงใหม่และไม่ให้รับบุคคลนี้เข้าทำงานไม่งั้นจะไม่ร่วมงานด้วยเพราะไม่อยากมีปัญหา
- ตนเห็นฝ่ายคู่กรณีไปพบกับผู้บริหารค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย อ้างว่าโดนภรรยาของตนคุกคามตามงานต่างๆ จนรู้สึกไม่ปลอดภัย
- ผู้บริหารจึงติดต่อมาหาตนเพื่อฟังเรื่องราว และยินยอมไปขึ้นศาลเพื่อเป็นพยานให้ จนเป็นเรื่องฟ้องร้องขึ้นศาลฯ กันไปตอนปี 2567 แต่ถูกพ่อของคู่กรณีที่อ้างตัวว่าเป็นทหารยศพลตรี พิษณุโลก ข่มขู่หากไม่ถอนฟ้องจะยัดคดีทางการเมืองให้ และขับรถไปที่บ้านของแม่ตน อ้างเป็นแฟนคลับไปถ่ายรูปด้วย
- ตนจึงเลือกไม่รับงานฝังภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคใต้ เพราะไม่อยากเจอเหตุการณ์แบบเดิมบนเครื่องบิน จนกระทั่งขอหยุดรับงานจนกว่าคดีจะเสร็จสิ้น และรอคำสั่งคุ้มครองจากศาลฯ หากตนชนะคดี
- จนกระทั่งตนเป็นฝ่ายชนะคดี จำเลยสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐานในชั้นศาลฯ ไหว้ขอโทษและรับปากว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับภรรยาของตนอีก แต่สุดท้ายทำพฤติกรรมเช่นเดิมตนจึงนำเรื่องนี้มาเปิดเผยต่อสาธารณะ
- เน็ตเริ่มขุดคุ้ยถึงฝ่ายคู่กรณี จนไปเจอรูปถ่ายวันแต่งงาน ที่ฝ่ายชาย (อดีตสามี) สวมหน้ากากใบหน้าของคุณแสตมป์เพื่อถ่ายรูป
- วง ‘Tilly Birds’ ต้นสังกัดของคู่กรณี ออกมาชี้แจงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น อ้างว่าเรื่องราวที่ฟังมาแตกต่างจากที่คุณแสตมป์เล่า เพราะเรื่องที่ฟ้องร้องเป็นเรื่องชู้สาวไม่ใช่คดีคุกคาม เห็นว่ามีการเจรจายอมความกันแล้วคิดว่าคดีนี้จบแล้วจึงไม่ได้ตามต่อ ขอวางตัวเป็นกลางและไม่สนับสนุนการคุกคามหรือละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
- ชาวเน็ตเริ่มขุดต่อประเด็นเรื่องชู้สาว จนไปเจอโพสต์เก่าของคุณแสตมป์ที่เคยโพสต์ถึงภรรยาในวันครบรอบ 18 ปีซึ่งปัจจุบันถูกแก้ไขมีประโยคที่หายไปความว่า
‘ขอโทษจริงๆ ที่ในช่วงเวลาหนึ่งเราเคยทำให้นิว (ภรรยา) มีความทรงจำที่เลวร้ายเราขอใช้เวลาที่เหลือในชีวิตไม่ว่าจะอีกกี่ปีทดแทนมันนะ’
- คู่กรณีชี้แจงผ่าน Instagram ส่วนตัวว่าเรื่องที่คุณแสตมป์พูดมาไม่ใช่ความจริง เรื่องที่ฟ้องกันไม่ใช่เรื่องคุกคามแต่เป็นคดีหมิ่นประมาทกับคดีอื่นๆ ที่โจทย์ถอนฟ้อง และคดีที่เรายอมความในเนื้อหามีการเกี่ยวข้องกับการชู้สาวที่ศาลเยาวชน
- มีการทำสัญญาจ่ายเงินเป็นจำนวน 1 ล้านบาท เพื่อให้เรื่องจบและไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับฝ่ายคุณแสตมป์อีกพร้อมแนบหลักฐานสำนวนการฟ้องที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการชู้สาว ไม่สามารถให้แฟนออกมาชี้แจงได้เพราะสภาพจิตใจพัง โดนอาฆาตมาตลอด และถูกส่งจดหมายไปตามที่ทำงานต่างๆ เพื่อให้มีการเลิกจ้าง
- ‘คุณป้อง’ จากเพจ ‘โตแล้วจะไปญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ได้’ ออกมาชี้แจงว่าตนเป็นเพื่อนและพยานให้ภรรยาคุณแสตมป์ในคดีชู้สาว รู้สึกไม่โอเคที่คุณแสตมป์เล่าบนเวทีไม่หมดจนเกิดเรื่องวุ่นวายในสังคม นี่เป็นเรื่องชู้สาวไม่ใช่เรื่องของการคุกคาม อย่างที่คุณแสตมป์เล่าบนเวที พร้อมแนบหลักฐานที่คุณแสตมป์พูดถึงความอึดอัดใจต่อภรรยา และสารภาพสิ่งที่เคยโกหกไว้
- ตัวคุณแสตมป์เองยังไม่ได้ออกมาโพสต์หรือชี้แจงอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทนายส่วนตัวอย่าง ‘ทนายนิด้า’ ยังไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ คุณแสตมป์จะออกมาพูดเรื่องนี้ด้วยตนเอง