โอกาสทองของไทยในอุตสาหกรรมคาสิโน : ไปต่อหรือพอแค่นี้? ประเทศไทยจะเป็น “เสือเศรษฐกิจ” ด้านคาสิโนหรือแค่ฝันลมๆ?
ในขณะที่ประเทศไทยกำลังพิจารณาร่างกฎหมาย “สถานบันเทิงครบวงจร” (Entertainment Complex) พร้อมเปิดทางให้ คาสิโนถูกกฎหมาย กลายเป็นความจริง อุตสาหกรรมคาสิโนระดับโลกต่างหันมาจับตาดูด้วยความสนใจ
ศักยภาพด้านการท่องเที่ยวระดับพรีเมียมของไทย ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว วัฒนธรรม หรือโครงสร้างพื้นฐานอย่างสนามบินนานาชาติ คือสิ่งที่ทำให้ไทยอาจเป็น “จุดยุทธศาสตร์ใหม่” ของเอเชียในวงการ Integrated Resort (IR)
อย่างไรก็ตาม ความซับซ้อนในระบบราชการ และนโยบายที่ยังไม่ชัดเจน กลับกลายเป็นคำถามใหญ่ที่ยังไม่มีใครตอบได้ว่า “ไทยพร้อมแค่ไหน?”
Inside Asian Gaming (IAG) ซึ่งเป็นหนึ่งในสื่อด้านเกมและคาสิโนที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเอเชีย ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของไทยมาตลอดกว่า 20 ปี โดยเฉพาะหลังปี 2564 ที่ไทยเริ่มศึกษาและผลักดัน Entertainment Complex อย่างจริงจัง
ร่าง พ.ร.บ. สถานบันเทิงครบวงจรอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการพิจารณา แต่บทเรียนจากประเทศญี่ปุ่นยังคงเป็นตัวอย่างชัดเจนว่ากฎหมายที่ “ซับซ้อนเกินไป” สามารถทำลายโอกาสเศรษฐกิจได้ในพริบตา
ญี่ปุ่นเคยดึงดูดบริษัทคาสิโนระดับโลกกว่า 20 ราย แต่จบลงด้วยใบอนุญาตเพียงฉบับเดียว เหตุผล? เพราะภาษีที่สูงเกินไป การเมืองไม่เสถียร และข้อกำหนดที่ไม่เหมาะสมกับภาคเอกชน
ประเทศไทยจะเดินรอยเดิมหรือไม่? ขึ้นอยู่กับ “รายละเอียด” ไม่ใช่แค่หัวข้อของกฎหมาย
เปิดรายชื่อบริษัทคาสิโนระดับโลก พร้อมวิเคราะห์แนวโน้มการลงทุน
จากข้อมูลของ IAG มีบริษัทคาสิโนระดับโลกถึง 15 ราย ที่อยู่ระหว่างการประเมินตลาดไทย โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้:
กลุ่มที่ “ถอนตัวไปแล้ว”
กลุ่มที่ “มาแน่”
กลุ่มที่ “ยังรอดู”
แม้หลายบริษัทจะแสดงท่าทีสนใจ แต่ยังต้องการ “ความชัดเจนของร่างกฎหมาย” ก่อนตัดสินใจขั้นสุดท้าย เช่นเดียวกับกรณีของ Las Vegas Sands ที่เคยถอนตัวจากญี่ปุ่นแบบไม่ทันตั้งตัว
ประเทศไทยมีทุกอย่างครบ ศักยภาพการท่องเที่ยว วัฒนธรรมที่โดดเด่น และแรงดึงดูดจากนักลงทุนทั่วโลก แต่สิ่งที่ยังขาดคือ ความชัดเจนและความสมดุลทางกฎหมาย ที่จะเป็นตัวตัดสินว่าเราจะไปต่อได้ไกลแค่ไหนในอุตสาหกรรมคาสิโนระดับโลก
Las Vegas Sands สรุปไว้ได้อย่างชัดเจนที่สุด:
“เมืองไทยมีเสน่ห์เฉพาะตัว ทั้งวัฒนธรรม อาหาร ธรรมชาติ เหมาะกับรีสอร์ตขนาดใหญ่ แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่า ‘รัฐบาลจะทำให้ถูกหรือไม่’ เท่านั้น”
กฎหมายที่ “มากไป” อาจขวางนักลงทุน
กฎหมายที่ “น้อยไป” ก็อาจสร้างปัญหาเชิงสังคมและการควบคุม
ดังนั้น กุญแจสำคัญอยู่ที่การออกแบบนโยบายที่ เอื้อต่อการแข่งขันโดยไม่ละเลยการกำกับดูแล ซึ่งถือเป็นโจทย์ใหญ่ของภาครัฐในเวลานี้
และสุดท้าย ทุกสายตากำลังจับจ้องมาที่ “บทสรุปจากรัฐสภาไทย”
ว่าจะเปิดประตูโอกาส หรือปิดประตูอนาคต ด้วยกฎหมายฉบับเดียว