SHORT CUT
รวมประเด็นร้อน 'ว.วชิรเมธี' มีความสัมพันธ์กับ 'ดิไอคอน (The iCon Group)' อวยให้มาลงทุนกับ 'บอสพอล' กมธ.ศาสนา เล็งสอบความเหมาะสม
ช่วงนี้ท่าน ว.วชิรเมธี ตกเป็นประเด็นร้อนโซเชียล เมื่อมีชาวเน็ตจำนวนมาก ขุดคลิปเก่าว่า ท่านเคยไปเทศน์ธรรมะกับ The iCon Group บริษัทขายตรงของ ‘บอสพอล วรัตน์พล’ ที่ถูกมองว่า แฝงแชร์ลูกโซ่ จึงถูกชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม
ว.วชิรเมธี หรือ พระเมธีวชิโรดม เป็นพระภิกษุชาวไทยที่มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะ นักคิด นักเขียน และนักบรรยายธรรม ผ่านโซเชียลมีเดีย จนสามารถนำหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนามาถ่ายทอดให้เข้าใจง่ายและน่าสนใจ ทำจึงมีฐานแฟนที่เป็นพุทธศาสนิกชน จำนวนมาก
ด่านล่างนี้ คือดราม่าหลักๆ ที่ท่าน ว.วชิรเมธี เข้าไป พัวพันกับ The iCon Group
เฟซบุ๊ก ที่ใช้ชื่อ Sema Loveking ได้มีการเผยแพร่ภาพ คลิปวิดีโอ ที่ ว.วชิรเมธี นั่งเทศน์อยู่กับ บริษัท The iCon Group โดยช่วงหนึ่งบอกกับผู้ฟังว่า "คนจะรวยต้อง Growth Mindset ทัศนคติแบบเปิดกว้าง เรียนรู้ตลอดเวลา พัฒนาตลอดชีวิต ส่วนพวก Fixed Mindset ทัศนคติแบบตีบตัน เขาชวนไปสัมนาไม่ไป ไม่ได้อะไรมาก กลับมาผัวด่าอีกต่างหาก" ซึ่งช่วงนี้เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ฝังดังลั่น แม้แต่ท่าน ว.วชิรเมธี ก็หัวเราะไปกับเขาด้วย ทำให้ชาวเน็ตตั้งคำถามว่า วิดีโอนี้กำลังสื่อว่าคนที่ไม่ไปลงทุนเรียนกับบริษัทขายตรง เป็นคนโง่หรือเปล่า
ส่วน เฟซบุ๊ก Sema Loveking ก็ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นในคลิปนี้ว่า ท่านเป็นสงฆ์ มานั่งบุลลี่ผู้อื่นว่าโง่ ดักดาน เพียงเพราะเขาไม่เข้าร่วมกิจกรรม แล้วท่านก็มานั่งหัวเราะเยาะกัน มันสมควรแล้วหรือ แล้ววันนี้พอมาเกิดมีปัญหา พวกเขาไม่ต้องมาทุกข์ร้อน ใครกันแน่โง่ #Theicon
หลังจากโดนขุดภาพ และวิดีโอที่ไปร่วมกิจกรรมกับ The iCon Group อยู่หลายวัน ทางฝั่ง ว.วชิรเมธี ก็ออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กในวันที่ 15 ต.ค. 67 ว่า
“ประกาศขออภัย และทำความเข้าใจให้ตรงกับความจริง“
๑.หลังจากติดตามสถานการณ์ของบริษัท ดิไอคอน อย่างใกล้ชิด
ก็เข้าใจว่า น่าจะมีความไม่ชอบมาพากลหลายแง่มุมดำรงอยู่จริง
ตามที่ผู้บริหารได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ล่าสุดใน The Standard
(๑๔ ต.ค.๖๗)
๒.แต่ภาพใหญ่ก่อนหน้านั้น ที่บริษัท ทำธุรกิจอย่างเปิดเผย
โดยมีซูเปอร์สตาร์ระดับแถวหน้าของเมืองไทยมาร่วมเป็น
พรีเซนเตอร์หรือผู้บริหารด้วย จึงทำให้คนที่เห็นภาพและข่าว
เชื่อได้ว่า น่าจะมีความโปร่งใสในทุกขั้นตอน พระทุกรูปที่ได้รับ
นิมนต์ไปเทศน์ก็คงคิดเช่นนั้น
๓.ทุกเดือนทางบริษัทจะนิมนต์พระไปสอนธรรมะ และทำบุญ
ถวายสังฆทานเป็นประจำ ผู้เขียนเอง ก็เป็นเพียงหนึ่งในพระสงฆ์
ที่ได้รับนิมนต์ให้ไปเทศน์ไปสอน ต่างแต่ว่า ในการมานิมนต์
ผู้เขียนนั้นทีมผู้บริหารมานิมนต์ถึงวัดที่จังหวัดเชียงราย และ
มาร่วมถวายทุนการศึกษาด้วย (จึงมีภาพเยอะหน่อย)
๔.ในการสอนเมื่อต้นปีที่ผ่านมานั้น ผู้เขียนสอนเรื่อง “หัวใจเศรษฐี”
หรือกุญแจสู่ความสำเร็จตามหลัก “ทิฏฐธรรมิกัตถประโยชน์”
ซึ่งมีหลักฐานอ้างอิงอยู่ในพระไตรปิฎกชัดเจน (๑.ขยันหา-๒.รักษาดี-
๓.มีกัลยาณมิตร-๔.ใช้ชีวิตสมดุล) โดยสอนผ่าน ๓ วลีสำคัญคือ
“อดทนให้ได้ ใจเย็นให้พอ และรอให้เป็น” ใช้เวลาบรรยายถึง ๑ ชั่วโมง
๑๒ นาที (ไม่ใช่อย่างที่ตัดมาบางส่วน)
ระหว่างที่บรรยายให้รู้จักสร้างเนื้อสร้างตัวตามแนวพุทธ
ด้วยความอดทน ใจเย็น ไม่ใจเร็วด่วนได้ ผู้เขียนจึง ”แซว“ หรือ
”ประชดแดกดัน“ คนที่มาฟังทั้งห้องประชุมว่า ถ้า ”อดทนไม่ได้ ใจเย็นไม่พอ
และรอไม่เป็น“ จะเอาให้รวยทันใจเลย…เช่นนั้นแล้ว ก็แซวว่า
“ลูกเอ๋ย ทำอย่างนั้นก็ดิไอคอนแล้ว…” ซึ่งทุกคนที่นั่งฟังก็หัวเราะ
เข้าใจ, คำพูดที่ (ใครก็ไม่รู้) ตัดมาเป็นคลิปนั้น
โดยบริบทเป็นเพียงคำพูดหยิกแกมหยอกธรรมดาตามประสานักพูดทั่วไป
ที่อยากให้มีอารมณ์ขันเท่านั้น เป็นการแซะ การแซว ไม่ได้มีนัยจริงจัง ซีเรียส
ถึงขั้นที่จะเอามาปั่นว่าพระมีส่วนร่วมทางธุรกิจใดๆ ทั้งสิ้น คนฟังทุกคนในห้อง
ฟังแล้วก็เข้าใจ ขำๆ ฮาๆ จบแล้ว ถวายสังฆทาน กลับบ้าน มีแค่นั้น (ที่สำคัญ
Case study ที่ยกมาเล่าก็เป็นเรื่องราวก่อนโควิด ไม่เกี่ยวอะไรกับดิไอคอน)
๕.ผู้เขียนเรียนธรรมะมาจนสำเร็จการศึกษาขั้นสูงสุดของคณะสงฆ์ไทย
คือเปรียญธรรม ๙ ประโยค,ดังนั้น ในการเทศน์การสอน จึงเน้นแต่ข้ออรรถ
ข้อธรรมที่มีแก่นสาร แม้จะเทศน์ด้วยภาษา ตัวอย่างร่วมสมัย แต่ก็สามารถโยง
กลับไปหาพระไตรปิฎกได้เสมอ ไม่ได้สอนแบบมั่วๆ อย่างที่ตัดมาให้คนด่า
หรือให้คนเข้าใจผิด เรื่องนี้ ปัญญาชนที่ติดตามผู้เขียนมาตลอด
ย่อมรู้จักกันดีอยู่แล้ว
๖.แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อบางส่วนของการเทศน์การสอน ก่อให้เกิดความ
เข้าใจผิดออกไปในหมู่ประชาชนอย่างกว้างขวาง เพราะคลิปที่ตัดมาไม่ครบ
ถ้วนกระบวนความ ถึงกระนั้น ผู้เขียนก็ยินดีขออภัยจากใจจริงมา ณ ที่นี้ด้วย
ที่อย่างน้อยก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มีความเข้าใจผิดเกิดขึ้น ต่อไปก็จะสำรวม
ระวังไม่ให้มีความพลาดพลั้งเช่นนี้เกิดขึ้นอีก ขอบพระคุณทุกคนที่เตือนมา
ด้วยความรักและห่วงใย
๗.ขอย้ำตรงนี้ว่า พระทุกรูปที่เคยไปเทศน์ไปสอนที่บริษัท ทุกรูป
ไปด้วยใจสุจริตในฐานะพระที่ได้รับนิมนต์ไปสอนไปฉันเท่านั้น ไม่มีรูปไหน
เข้าไปเกี่ยวข้องกับบริษัทเชิงธุรกิจใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งเรื่องเช่นนี้เพียงใช้
Common Sense ก็น่าจะเข้าใจได้ ไม่ควรพยายามลากไปให้เห็นเป็นว่า
มีพระเข้าไปวุ่นวายอยู่ในธุรกิจ ผู้เขียนจึงขอทำความเข้าใจให้ตรงกัน
ด้วยใจที่เป็นธรรม รักความจริง และหวังความสุขความเจริญต่อกัน
ว.วชิรเมธี,
(ในนามตัวแทนของพระสงฆ์ ที่เคยไปสอนที่บริษัทดิไอคอน)
วันที่ 17 ตุลาคม 67 ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ลั่นในรายการโหนกระแสถึงพฤติกรรมต่างๆ ของ ว.วชิรเมธี ว่า แบบนี้คือการเชิญชวนลงทุน การบอกว่า พรุ่งนี้ได้รวยเป็นเศรษฐี ต้องดิไอคอน ส่วนกรณีของเงินทำบุญที่โพสต์ว่าได้ 1 ล้านบาท และถ่ายภาพร่วมกับคนดัง เปรียบเหมือนค่าตัว พรีเซนเตอร์ เป็นการโฆษณาให้หรือไม่ ?
นอกจากนี้ทนายเดชายังกล่าวเชิงตำหนิสำนักพุทธฯ ว่า ปล่อยไว้ได้อย่างไร เพราะรูปนี้รวยมาก แต่ชอบอ้างเปรียญธรรมเก้าประโยค ดังนั้นต้องรู้ว่าอะไรดีไม่ดี ไม่ใช่ไปอวยดิไอคอน
ส่วนวันที่ 18 ตุลาคม 67 มีรายงานว่า 'ทนายเดชา' ได้มอบอำนาจให้ 'ทนายกุ้ง' นักสืบ คลายทุกข์ แจ้งความ 'พระ ว.' ที่กองปราบแล้วด้วย
เหมือนว่า ว.วชิรเมธี จะไม่ได้เป็นเป้าของชาวเน็ต และทนายดังเพียงเท่านั้น เพราะถูกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็เข้ามาผสมโรงด้วย วันที่ 17 ต.ค. 67 สภานายวีรภัทร คันธะ โฆษกคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีการวิพากษ์วิจารณ์พระเมธีวชิโรดม หรือ ว.วชิรเมธี เทศน์สอนธรรมะแฝงโฆษณาดิไอคอนกรุ๊ปว่า จะมีการเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯ พิจารณาในวันที่ 17 ต.ค. ซึ่งเบื้องต้น ยังไม่สามารถพูดได้ว่า ตามกฎหมายแล้ว พระสงฆ์ดำเนินการในลักษณะดังกล่าวได้หรือสามารถเอาผิดใด ๆ ได้หรือไม่ เพราะตนยังไม่ได้ศึกษาข้อกฎหมายโดยละเอียด แต่ตนเห็นว่า ไม่เหมาะสม เพราะโดยข้อเท็จจริงในทางโลก และประชาชน มีการวิพากษ์วิจารณ์กันแล้วในระดับหนึ่ง จึงยังไม่สามารถตอบได้ชัดเจน
โฆษก ชี้แจงว่า จะเชิญบุคคลใด หรือหน่วยงานใดมาชี้แจงหรือไม่นั้น โฆษกคณะกรรมาธิการการศาสนาฯ ขอหารือในที่ประชุมกรรมาธิการฯ ก่อน และหากชัดเจนจะมีการแถลงอีกครั้ง เพราะประชาชนให้ความสนใจ
ส่วนสาเหตุที่ระบุเป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสม เพราะเป็นโลกวัชชะ หรือ ชาวโลกติเตียนหรือไม่นั้น โฆษกคณะกรรมาธิการการศาสนาฯ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็น โดยระบุเพียงว่า หากพูดไปจะมีผล เพราะเรื่องศาลนา ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน พร้อมย้ำว่า ในประเด็นนี้ตนขอไปคุยในคณะกรรมาธิการการศาสนาฯ ก่อน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง