SHORT CUT
ดร. โภคิน พลกุล อดีตประธานรัฐสภาไทย แสดงวิสัยทัศน์การทูตระดับประชาชนและความสัมพันธ์ไทย-จีน ในงานเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปีของการก่อตั้งสมาคม CPAFFC ย้ำความสำคัญของการทูตระดับประชาชน ที่ครอบคลุมถึงระดับโลก
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2567 ณ กรุงปักกิ่ง ได้มีการจัดงานสำคัญเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปีของการก่อตั้งสมาคมมิตรภาพระหว่างประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (CPAFFC) เป็นงานที่มีผู้นำจากทั่วโลกกว่า 350 คน จาก 150 ประเทศเข้าร่วม เป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่แสดงถึงบทบาทของการทูตระดับประชาชนในการส่งเสริมสันติภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศ และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างประเทศ
ในบรรดาผู้เข้าร่วมงานมีบุคคลสำคัญระดับโลก เช่น สมเด็จพระราชินีนาถปิโลเลวู ทูอิตา แห่งราชอาณาจักรตองกา สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงหะญะห์ มัสนะ แห่งบรูไน ดร.แอนเต ซิโมนิค อดีตรองนายกรัฐมนตรีโครเอเชีย และนางสาวซิม แอนน์ รัฐมนตรีอาวุโสด้านการต่างประเทศจากสิงคโปร์ บุคคลเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการยอมรับในระดับสากลถึงบทบาทสำคัญของ CPAFFC ในการส่งเสริมมิตรภาพระดับประชาชน เป็นพื้นฐานของความสำเร็จในการทูตของจีน
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวเปิดงานโดยเน้นถึงความสำคัญของมิตรภาพและความสัมพันธ์ระดับประชาชนว่าเป็นรากฐานของความมั่นคงในระยะยาวระหว่างประเทศ พร้อมย้ำถึงบทบาทของการทูตระดับประชาชนที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างชาติ พร้อมส่งเสริมความเข้าใจซึ่งกันและกัน และความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน
ดร.โภคิน พลกุล อดีตประธานรัฐสภาไทย ได้รับเกียรติให้กล่าวสุนทรพจน์ โดยเน้นถึงความสำคัญของการทูตระดับประชาชนในการสร้างสันติภาพ ความมั่นคง และการพัฒนาในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย โดยได้เน้นย้ำถึงความสำเร็จของไทยและจีนในการสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งผ่านการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน และได้กล่าวถึงความท้ายทายระดับโลก เช่น ความขัดแย้งในตะวันออกกลางและยุโรป และเรียกร้องให้ผู้นำทั่วโลกหันมาใช้การทูตและความร่วมมือเป็นเส้นทางสู่สันติภาพ
"โลกต้องการสันติภาพมากกว่าที่เคยเป็นมา" โภคิน กล่าว
"การแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนเป็นวิธีที่เราจะสร้างความเข้าใจและสร้างความไว้วางใจระหว่างกันเพื่อความสงบสุขอย่างยั่งยืน"
ดร.โภคิน ยังได้กล่าวถึงการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ที่จะจัดขึ้นในปี 2568 เป็นวาระสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของโครงการที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน เช่น โครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนไทย-จีน และโครงการแลกเปลี่ยนภาษาจีน-ไทย ที่ได้เชื่อมโยงเยาวชนของทั้งสองประเทศเข้าด้วยกันและสร้างมิตรภาพที่ยั่งยืน
โดยในปี 2568 จะถือเป็นวาระครบรอบ 50 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและจีน ดร.โภคิน ได้กล่าวถึงการเตรียมการเฉลิมฉลองงานวาระสำคัญนี้ โดยหนึ่งในกิจกรรมที่สำคัญคือ งานไทย-จีน พีเพิล ทู พีเพิล แฟร์ ที่จะจัดขึ้นในประเทศไทยและจีน งานนี้จะเน้นถึงความสำเร็จของทั้งสองประเทศผ่านการแสดงวัฒนธรรม นิทรรศการ และกิจกรรมเยาวชน ที่เป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยและจีน รวมถึงเชิญประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และรัฐมนตรีต่างประเทศ หวัง อี้ รวมถึงผู้นำจีนท่านอื่นๆ มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเพื่อเข้าร่วมการเฉลิมฉลองในวาระครบรอบนี้
"มิตรภาพระหว่างไทยและจีนแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่สามารถประสบความสำเร็จได้ เมื่อทั้งสองประเทศเลือกใช้การทูต ความไว้วางใจและคุณค่าทางวัฒนธรรมร่วมกัน" โภคิน กล่าว
โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการทูตระดับประชาชน ที่ครอบคลุมไปถึงระดับโลก โดยชี้ให้เห็นว่าการทูตในระดับรัฐเป็นสิ่งสำคัญ แต่การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการเชื่อมโยงระหว่างบุคคลเป็นสิ่งที่เสริมสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวอย่างแท้จริง ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนได้เจริญรุ่งเรืองจากการริเริ่มโครงการเหล่านี้ และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประเทศอื่นๆ
"การทูตระดับประชาชนคือรากฐานที่ทำให้ประเทศต่างๆ สร้างความไว้วางใจและความเคารพซึ่งกันและกัน" ดร.โภคิน กล่าว
ดร.โภคิน ได้ปิดท้ายสุนทรพจน์ด้วยวิสัยทัศน์ในแง่บวกถึงอนาคตของความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีน และบทบาทที่สำคัญของเอเชียในระดับโลก โดยเน้นถึงความจำเป็นในการเจรจา ความร่วมมือ และนวัตกรรมในการเผชิญกับความท้าทายที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน พร้อมเน้นย้ำเรียกร้องให้ทุกประเทศมุ่งมั่นสร้างรากฐานแห่งสันติภาพผ่านการทูต การเจรจา และความเข้าใจ คุณค่าเหล่านี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้ชุมชนโลกสามารถร่วมมือกันเพื่อสร้างอนาคตที่เปี่ยมไปด้วยสันติสุข ความเจริญรุ่งเรือง และการเติบโตอย่างยั่งยืน
“เมื่อเรามองไปข้างหน้า ความสัมพันธ์ไทย-จีนในอีก 50 ปีข้างหน้าจะยิ่งสว่างไสวและมั่งคั่งยิ่งขึ้น ความมุ่งมั่นร่วมกันในการสร้างสันติภาพ ความมั่นคง และการพัฒนาจะเป็นแสงนำทางให้เราก้าวสู่โลกที่เชื่อมโยงกันมากยิ่งขึ้น”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง