นายกฯ ให้ทูตประเมินสถานการณ์ภัยสงคราม หากต้องอพยพคนไทยในอิสราเอล ขอให้เตรียมพร้อมตลอดเวลา ส่วนพื้นที่สู้รบให้ย้ายออกจากพื้นที่ทันที
หลังจากเหตุการณ์ที่อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธจำนวนมากเข้าโจมตีอิสราเอล เพื่อตอบโต้ต่อการสังหารประชาชนในฉนวนกาซา รวมทั้งผู้นำของกลุ่มฮามาสและฮิซบอลเลาะห์ ที่อิสราเอลออกปฏิบัติการไล่ปลิดชีพไปก่อนหน้านี้
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นห่วงคนไทยในอิสราเอล จากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ และเพื่อหลีกเลี่ยงจากผลกระทบเหตุการณ์ดังกล่าว โดยขอให้กระทรวงต่างประเทศและสถานทูตของไทยที่อยู่ใกล้ที่สุด จำเป็นต้องให้ข้อมูลกับคนไทยที่อาศัยอยู่ในพื้นที่หากพบว่าอยู่ในระดับที่เสี่ยงเกินไป ก็ขอให้รีบแจ้งให้คนไทยออกจากพื้นที่ในทันที พร้อมประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที
ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้ออกประกาศเตือน ว่าเมื่อช่วงกลางคืนของวันจันทร์ที่ 30 กันยายน 2567 กองทัพอิสราเอล (IDF) ได้ประกาศให้พื้นที่เมืองเมตูลา (Metula) มิซกาฟ อัม (Misgav Am) และ คฟาร์ กิลอาดี (Kfar Giladi) บริเวณทางตอนเหนือของอิสราเอล ติดพื้นที่ชายแดนเลบานอน ให้เป็นเขตปิดทางทหาร (closed military zone) โดยเป็นเขตห้ามทำงานและอาศัย โดยแจ้งว่า หากมีคนไทยยังอาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ก็ขอให้ย้ายออกจากพื้นที่ทันที และเช้านี้ก็ยังเฝ้า ติดตามสถานการณ์ตลอดเวลา
โดยคนไทย สามารถขอรับความช่วยเหลือเพื่อย้ายออกจากพื้นที่ดังกล่าว ได้ที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ โดยสามารถติดต่อได้ตามช่องทาง หมายเลขโทรศัพท์ ฝ่ายกงสุล +972 546368150, +972 503673195 ฝ่ายแรงงาน + 972 9-954-8431, +972 54-469-3476 และไอดีไลน์ 0544693476
นายกรัฐมนตรี ห่วงใยคนไทยที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย ให้สถานเอกอัครราชทูตตัดสินใจประกาศเตือน ในแต่ละระดับความสำคัญ และให้เตรียมความพร้อมอพยพออกจากพื้นที่ดังกล่าวโดยทันที หากสถานการณ์มีโอกาสจะไปถึงขั้นวิกฤต นายจิรายุ กล่าว
หากคนไทยต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ตามช่องทางการติดต่อข้างต้น เพื่อเข้าทำการช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง