SHORT CUT
อาณาจักรโคกรูยอ ฉากหลังซีรีส์ Queen Woo สะท้อนประวัติศาสตร์และคุณค่าของผู้หญิงในยุคที่ชายเป็นใหญ่ไร้ความเท่าเทียม
จบไปแล้วกับซีรีส์ที่หลายคนขนานนามให้ว่าเป็น Game Of Thrones แห่งเกาหลี ซีรีส์อิงประวัติศาสตร์บอกเล่าเรื่องราวของราชินีแห่งอาณาจักรโคกรูยอนามว่าราชินีอู ที่พระสวามีกษัตริย์แห่งโคกรูยอนามว่าพระเจ้าโกนัมมู หรือพระเจ้าโคกุกช็อน ต้องสวรรคตก่อนวัยอันควร ซึ่งตามท้องเรื่องซีรีส์เล่าว่าถูกวางยาพิษ
ทำให้ราชินีอูต้องลุกขึ้นมารักษาอำนาจ ราชบัลลังก์ รวมถึงตระกูลของตนเองด้วยตนเอง ท่ามกลางศัตรูที่เต็มไปหมดทั้งภายในพระราชวัง และภายนอกวังจากอีกหลายตระกูลมากมาย ที่มีเป้าหมายเดียวกันคือครองบัลลังก์โคกรูยอ
ทำให้มีการเปิดฉากเกมการเมืองกันมากมายเรียกได้ว่าคนใกล้ตัวก็ไม่อาจไว้ใจได้ ซึ่งสะท้อนความจริงของโคกรูยออาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเกาหลียุคโบราณ แต่การเมืองภายในนั้นแสนจะเปราะบางเหลือเกิน
เราไปทำความรู้จักดีกว่าอว่าอาณาจักรโคกรูยอ ฉากหลังของซีรีส์ Queen Woo เป็นอย่างไร
หากเรามองดูในแผนที่ ณ ปัจจุบันซึ่งแบ่งเป็นเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้นั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสงคราม 3 ก๊กเกาหลี ที่ประกอบไปด้วยแคว้น โคกรูยอ แพ็กเจ และ ชิลลา แต่อาณาจักรที่ยิงใหญ่ที่สุด ณ ขณะนั้นคืออาณาจักรโคกรูยอ ซึ่งกินพื้นที่ทั้งเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้บางส่วน รวมถึงมีอาณาเขตครอบคลุมไปถึง จีน ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ และรัสเซีย
โดยอาณาจักรโคกรูยอสถาปนาขึ้นมาโดยพระเจ้าดงมยองซอง หรือ พระเจ้าจูมงที่คนไทยรู้จัก และเริ่มขยายอาณาเขตเรื่อยมาในแต่ละรัชกาลของกษัตริย์โคกรูยอ จนสามารถรวมชนเผ่าต่างๆ บนคาบสมุทรเกาหลีตอนเหนือ เหลียวตง บางส่วนของจีน และรัสเซีย ได้มากมาย
นั่นเท่ากับว่าอาณาจักรนี้เป็นอาณาจักรที่ใหญ่มาก แต่สิ่งที่ตามมาคือปัญหามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อยปัญหาชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านได้แก้จีน รวมถึง แพ็กเจ และชิลลา ทางตอนใต้ของเกาหลี
รวมถึงปัญหาการเมืองภายในที่มีขุนนางจากหลายตระกูลหรือเชื้อพระวงศ์ที่คอยแข่งขันอำนาจเพื่อให้สายตระกูลของตนเองขึ้นมามีอำนาจ
นั่นเท่ากับว่าเป็นมรดกของปัญหาที่สืบทอดเรื่อยมา ตั้งแต่ก่อตั้งอาณาจักรก็ว่าได้
ในเรื่องราชินีอูนั้นตรงกับรัชสมัยพระเจ้าโคกุกช็อน ในรัชกาลนี้ถึงอาณาจักรโคกรูยอจะมีอาณาเขตที่กว้างขวาง แต่ปัญหาภายในซึ่งสืบทอดมาตั้งแต่แรกเริ่มก่อตั้งอาณาจักรก็ไม่เคยได้รับการสะสาง
ไม่ว่าจะเป็นขุนนางและเชื้อพระวงศ์มีอำนาจ และแข่งขันกันเอง ตลอดจนการแย่งชิงราชสมบัติ ระหว่างพี่กับน้องกลายเป็นเรื่องปกติในโคกรูยอ
เห็นได้จากพระราชบิดาของพระองค์นามว่าพระเจ้าซินแด ก็ชิงราชสมบัติและประหารพี่ชายของตนเองเพื่อขึ้นครองราชย์บัลลังก์
การประหารผู้คนมากมายเพื่อขึ้นครองราชสมบัติย่อมสร้างศัตรูไว้มากมาย รวมถึงกลุ่มพันธมิตรทางเมืองของพระองค์ก็พร้อมจะเรียกร้องผลประโยชน์ตลอดเวลา
ก่อนการขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าโคกุกช็อน ก็ขึ้นครองราชย์ด้วยกลิ่นคาวเลือด เพราะเกิดกบฏของพี่ชายตนเองที่ไม่ยอมรับอำนาจจึงตามมาด้วยกลิ่นคาวเลือดก่อนขึ้นครองราชสมบัติ
ฉากหลังของเรื่องดังกล่าวส่งผลให้เมื่อสิ้นสุดรัชกาลของพระเจ้าโคกุกช็อนตามมาด้วยกลิ่นคาวเลือดเหนือบัลลังก์อีกครั้ง
ภายหลังสิ้นรัชกาลพระเจ้าโคกุกช็อนบัลลังก์โคกรูยอได้เรียกร้องให้เกิดกลิ่นคาวเลือดอีกครั้ง เพราะบัลลังก์และกษัตริย์มีเพียงแค่อันเดียว แต่หลายตระกูลในราชอาณาจักรกลับต้องการมัน
เริ่มต้นจากพระอนุชาของพระเจ้าโคกุกช็อนเจ้าชายพัลกีต้องการราชสมบัติ แต่ผู้ที่ขึ้นครองราชย์คือน้องชายแท้ๆ ของพระองค์นาม โค ย็อนอู ทำให้เจ้าชายพัลกีก่อกบฏ แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ลงไป โค ย็อนอู จึงได้รับการสถาปนาเป็นพระเจ้าซันซางแห่งโคกรูยอ
ขณะเดียวกันพระองค์ได้สถาปนาราชินีอูพระมเหสีของพี่ชายตนเองเป็นพระมเหสีของพระองค์อีกด้วย ทำให้หลายคนตีความกันว่าเบื้องหลังการขึ้นครองบัลลังก์ของพระเจ้าซันซาง ต้องมีราชินีอูคอยสนับสนุนอยู่แน่นอน
สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับบทบาทของราชินี ถึงแม้ว่าจะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เล็กน้อย แต่ก็สะท้อนถึงสถานะของผู้หญิงที่ถูกจดบันทึกไว้เป็นส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์
เพราะในสังคมเกาหลียุคโบราณได้รับอิทธิพลมาจากลัทธิขงจื๊อที่มาจากจีน อิทธิพลของลัทธิขงจื๊อ ลัทธิขงจื๊อที่เน้นความสำคัญของชายเป็นใหญ่ มีอิทธิพลต่อการกำหนดบทบาทของผู้หญิงในสังคมโคกรูยออย่างมาก ทำให้ผู้หญิงถูกจำกัดบทบาทให้เป็นแม่บ้านและภรรยาที่ดี โดยมีหน้าที่หลักคือดูแลครอบครัวและสามี
โอกาสในการศึกษาของผู้หญิงถูกจำกัดอย่างมาก โดยส่วนใหญ่แล้วผู้หญิงจะไม่ได้รับการศึกษาอย่างเป็นทางการ และมุ่งเน้นไปที่การเรียนรู้ทักษะที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตภายในครอบครัว
ผู้หญิงส่วนใหญ่ทำงานอยู่ภายในบ้าน ไม่ค่อยมีโอกาสออกไปทำงานนอกบ้าน เว้นแต่จะเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรหรือหัตถกรรมที่ทำภายในครอบครัว
การแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญมากในสังคมโคกรูยอ โดยผู้หญิงส่วนใหญ่จะถูกจัดให้แต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย และไม่มีสิทธิ์เลือกคู่ครองเอง ซึ่งการแต่งงานของผู้หญิงคือการเป็นเครื่องมือไปสู่อำนาจของผู้ชาย เห็นได้จากตระกูลของราชินีในโคกรูยอ จะค่อนข้างมีอำนาจมากเมื่อลูกสาวได้เป็นราชินีของแผ่นดิน
แต่ขณะเดียวกันผู้หญิงในวรรณะสูง ไม่ว่าจะเป็นตระกูลขุนนางหรือราชวงศ์อาจมีอิทธิพลและอำนาจมากกว่าผู้หญิงทั่วไป เนื่องจากสถานะทางสังคมของครอบครัว
สะท้อนให้เห็นว่าราชินีอูคงมีบทบาทสำคัญไม่ใช่น้อย เพราะน้อยครั้งผู้หญิงจะถูกจารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ของเกาหลีได้เป็นราชินีถึง 2 รัชกาล
และซีรีส์ได้สะท้อนการลุกขึ้นสู้ของผู้หญิงอย่างราชินีอย่างเห็นได้ ถึงแม้สถานะของผู้หญิงในยุคโคกรูยอถูกกำหนดโดยปัจจัยทางวัฒนธรรมและสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอิทธิพลของลัทธิขงจื๊อ ผู้หญิงจะถูกจำกัดบทบาทและโอกาส แต่ก็มีการต่อสู้และพยายามเปลี่ยนแปลงสถานะของตนเองอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือราชินี สตรีเหนือชายที่สามารถยืนเด่นในประวัติศาสตร์ จนนำมาสร้างเป็นซีรีส์ที่ถูกกล่าวขานว่าคือซีรีส์ Game of Thrones ของเกาหลี
แหล่งอ้างอิง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง