svasdssvasds

‘เงินดิจิทัล’ ได้ไปต่อ! แต่ให้ ‘กลุ่มเปราะบาง’ อาจได้ใช้เงินสดแทน ?

‘เงินดิจิทัล’ ได้ไปต่อ! แต่ให้ ‘กลุ่มเปราะบาง’  อาจได้ใช้เงินสดแทน ?

วันที่ 21 ส.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งเป็นนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทยในสมัยรัฐบาลเศรษฐา แต่เมื่อมาถึงรัฐบาลของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร กลับมีกระแสข่าวจะล้มโครงการนี้

ล่าสุด มีรายงานข่าวจากแหล่งข่าว ระบุ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ยังเดินหน้าต่อ ซึ่งสอดคล้องกับที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ว่าดิจิทัลวอลเล็ต มีทางไปและมีทางออกที่ดี แต่ขอยังไม่เปิดเผยรายละเอียด ขอให้ขั้นตอนทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจะแถลงครั้งเดียว

แหล่งข่าวระบุอีกว่า การเดินหน้าของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะมีการปรับเงื่อนไข เบื้องต้นจะเป็นการแจกเงินให้กับกลุ่มเปราะบางที่ลงทะเบียนไว้ก่อนเป็นอันดับแรก ในวงเงิน 1.22 ล้านบาท ตามที่สภาเห็นชอบอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม 1.22 แสนล้าน มาใช้แจกเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งจะเป็นการแจกเงินสด ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐครั้งเดียวเลย 10,000 บาท โดยไม่สนใจว่า บัตรสวัสดิการฯ เป็นบัตรที่มาจากนโยบายของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นการเปลี่ยนจากการใช้เงินผ่านระบบดิจิทัล เป็นการเติมเงินสดลงไปในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อเป็นการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางที่ต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐก่อน

ส่วนวันพรุ่งนี้ (22 ส.ค.) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีกำหนดการปาฐกถาพิเศษในงาน Dinner Talk: Vision for Thailand 2024 ซึ่งจะพูดถึงปัญหาและทิศทางเศรษฐกิจ ซึ่งอาจจะรวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ในมุมมองของ “ทักษิณ ชินวัตร” ด้วย

‘เงินดิจิทัล’ ได้ไปต่อ! แต่ให้ ‘กลุ่มเปราะบาง’  อาจได้ใช้เงินสดแทน ?

จุลพันธ์ ยอมรับมีโอกาสเปลี่ยนรายละเอียดได้ทุกอย่าง

ขณะที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยอมรับถึงการปรับเปลี่ยนรายละเอียดโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า มีการพูดคุยรายละเอียดภายในพรรคเพื่อไทยจริง แต่ตนไม่สามารถให้รายละเอียดได้ เนื่องจาก จะต้องให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาลในการจัดทำนโยบายด้วย ซึ่งก็ได้รับการสอบถามจากพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคการเมืองว่า จะมีการนัดพูดคุย เพื่อจัดทำนโยบายของรัฐบาลเมื่อใด เพื่อเดินหน้านโยบายภายใต้งบประมาณที่มีจำกัด

ส่วนกระแสข่าวการแจกให้กับกลุ่มเปราะบาง ที่ลงทะเบียนไว้ก่อนเป็นอันดับแรก วงเงิน 122,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณรายจ่ายฯ 2567 เพิ่มเติม และเป็นการแจกเป็นเงินสด ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจนในครั้งเดียว จำนวน 10,000 บาทนั้น นายจุลพันธ์ ระบุว่า ขณะนี้ ยังมีหลายแนวคิด แต่ยังไม่ขอตอบในรายละเอียด แต่ยืนยันว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยรูปแบบอาจจะต้องปรับเปลี่ยนในบางส่วน เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ซึ่งรูปแบบที่คณะรัฐมนตรีชุดนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี กำหนดรูปแบบไว้ ได้มีมติไปแล้ว และยังไม่มีคำสั่งเปลี่ยนแปลง จึงยังคงเดินหน้าต่อไปตามปกติก่อน แต่เมื่อมีรัฐบาลชุดใหม่ และได้แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาแล้ว อาจจะมีการปรับเปลี่ยนได้ และมั่นใจว่า จะเป็นการปรับเปลี่ยนที่ถูกใจ และเป็นประโยชน์กับประชาชนมากขึ้น รวมถึงประเด็นข้อห่วงใยตามกฎหมายต่าง ๆ ก็จะต้องมีการปรับแก้เช่นกัน เพื่อให้สามารถเดินหน้าโครงการต่อไปได้ และกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นให้ได้ 

นายจุลพันธ์ ยังกล่าวถึงงบประมาณฯ 2567 เพิ่มเติม 122,000 ล้านบาท ที่วุฒิสภาให้ความเห็นชอบไปแล้ว และรัฐบาลจะต้องเร่งเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายใน 30 กันยายนนี้ โดยยอมรับว่า ยังมีขั้นตอนของการจัดตั้งรัฐบาลอยู่ แต่เชื่อว่า นายกรัฐมนตรี จะเร่งรัดกระบวนการจัดตั้งรัฐมนตรี เพื่อให้สามารถเดินหน้านโยบายต่อไปได้ และให้ทันต่อกรอบงบประมาณ 2567 ที่จะสิ้นสุดใน 30 กันยายนนี้ แต่หากไม่สามารถใช้จ่ายได้ทัน ก็จะต้องคืนคลัง 

ส่วนการแจกดิจิทัลวอลเล็ต จะยังคงกำหนดการเดิมในไตรมาสที่ 4 หรือไม่นั้น นายจุลพันธ์ ระบุว่า ขณะนี้ ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงจากคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ 

ส่วนจะมีโอกาสเปลี่ยนเป็นการแจกเงินสดหรือไม่นั้น นายจุลพันธ์ บอกว่า มีโอกาสเปลี่ยนได้ทุกอย่าง จนกว่าจะมีข้อตกลงจากพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งเชื่อว่า การแถลงนโยบายรัฐบาล มีมีขึ้นในช่วงต้นเดือนกันยายนนี้ 

นายจุลพันธ์ ยังกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมาธิการฯ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายฯ 2567 ในวันนี้ (21 ส.ค.) ที่มีแนวคิดเปลี่ยนแปลงงบประมาณ จำนวน 35,000 ล้านบาท เพื่อไปใส่ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยตัดงบประมาณจากงบประมาณที่ใช้ชำระหนี้ ธ.ก.ส., ธนาคารออมสิน, ธนาคารเอ็กซิมแบงก์ และธนาคารอาคารสงเคราะห์ว่า เป็นการเสนอของส่วนงาน เนื่องจาก มีความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว ก็สามารถทำได้ และดำเนินการตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐาแล้ว ซึ่งมีการดำเนินการผ่านขั้นตอนคณะรัฐมนตรี เสนอถึงกรรมาธิการฯ ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ได้พิจารณาไปตามขั้นตอนแล้ว และขึ้นอยู่กับความเห็นของสภาผู้แทนราษฎรในการพิจารณาวาระที่ 2 ต่อไป ในช่วง 4 – 6 กันยายนนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

related