SHORT CUT
รู้หรือไม่ "บุหรี่ไฟฟ้า" อันตรายมากกว่าที่คิด มีสารนิโคติน ทำลายระบบประสาท เสี่ยงต่อผู้ที่เป็นโรคปอดเรื้อรัง-หอบหืด-โรคถุงลมโป่งพอง "นำเข้า-ครอบครอง-จำหน่าย" มีความผิดตามกฎหมายทั้งจำทั้งปรับ
ในสังคมปัจจุบันต้องยอมรับว่าวัยรุ่นนิยมสูบบุหรี่ไฟฟ้า เพราะเข้าใจว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่าการสูบบุหรี่ธรรมดา แต่ในความเป็นจริงบุหรี่ไฟฟ้าหลายยี่ห้อมีสารนิโคตินเท่ากับสูบบุหรี่ 20-50 มวน และสามารถเสพติดง่ายกว่าบุหรี่ทั่วไปถึง 10 เท่า ส่งผลอันตรายต่อสมอง ทำให้เซลล์ประสาทมีความอ่อนไหวเสี่ยงเกิดอาการชักได้ง่าย โครงสร้างสมองของเด็กและวัยรุ่นเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างถาวร และส่งผลอันตรายต่อหลอดเลือด หลอดเลือดเสื่อมสภาพมีความยืดหยุ่นลดลง เกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบและหัวใจวายได้
องค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้ วันที่ 31 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันงดสูบบุหรี่โลก (World No Tobacco Day) ซึ่งปีนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ 31 พ.ค. 2567 เพื่อกระตุ้นให้ทุกๆ ประเทศ จัดกิจกรรมรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ เผยแพร่องค์ความรู้และส่งเสริมให้ประชาชนเกิดความตระหนักถึงโทษ พิษภัย ผลกระทบและความสูญเสียทั้งทางสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคมที่เกิดจากการสูบบุหรี่ และส่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ในการลด ละ เลิกบุหรี่
บุหรี่ไฟฟ้า (Electronic Cigarette) หรือที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า Vape คืออุปกรณ์ที่ใช้ในการสูบบุหรี่ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ เพื่อสร้างความร้อนและสร้างสารในไอระเหยที่ผู้ใช้สูบเข้าไปในปอด ปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นสินค้าผิดกฎหมาย มีความผิดทั้งผู้นำเข้า ผู้ขายและผู้ใช้
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า เช่น บุหรี่ไฟฟ้าไม่เป็นอันตราย เป็นเครื่องมือช่วยเลิกบุหรี่ หรือบุหรี่ไฟฟ้าช่วยลดการเกิดโรคมะเร็ง ทางกรมควบคุมโรคได้ยืนยันชัดเจนว่า บุหรี่ไฟฟ้าถือว่ามีอันตรายรุนแรงเทียบเท่ากับบุหรี่ธรรมดา
จากการวิจัยล่าสุดพบว่า “บุหรี่ไฟฟ้า” ทำลายดีเอ็นเอของเซลล์ในช่องปาก เพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง สารเคมีในบุหรี่ไฟฟ้า เช่น นิโคติน ซิลิเกต
การสูบบุหรี่ไฟฟ้าอาจทำให้เกิดการระคายเคืองในทางเดินหายใจและเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โรคระบบเดินหายใจ เช่น โรคถุงลมอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) และภาวะหอบหืด
การสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และความดันโลหิตสูง สารพิษที่มีอยู่ในบุหรี่ไฟฟ้าอาจทำให้เส้นเลือดตีบและเกิดการอุดตันภายในหลอดเลือด
สารเคมีในบุหรี่ไฟฟ้ามีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระเพาะอาหาร กรดไหลย้อน และระบบการย่อยอาหาร
การสูบบุหรี่ไฟฟ้าอาจส่งผลต่อระบบประสาทโดยเฉพาะการส่งสัญญาณประสาทภายในสมอง อาจทำให้เกิดอาการวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า มีความผิดปกติในการควบคุมการเคลื่อนไหว ปวดศีรษะ มึนงง
การสูบบุหรี่ไฟฟ้าอาจทำให้เกิดอาการเหนื่อยหอบ หายใจอ่อนแรง และความสามารถในการออกกำลังกายลดลง ภูมิคุ้มลดลง ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคติดเชื้อ โรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
บุหรี่ไฟฟ้าติดง่ายและเลิกยากกว่าการเลิกบุหรี่แบบธรรมดาเนื่องจากระดับสารนิโคตินที่สูงกว่า สามารถแต่งกลิ่นและปริมาณตามความพอใจทำให้ผู้สูบรู้สึกเพลิดเพลินกับภัยเงียบดังกล่าวโดยไม่รู้ตัว
นิโคติน กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง
เมื่อสูดดมเข้าไปอาจทำให้เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนัง ดวงตา และปอดได้พบมากในผู้ที่เป็นโรคปอดเรื้อรัง โรคหอบหืด และโรคถุงลมโป่งพอง และสารประกอบที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น โลหะหนัก สารหนู สารกลุ่ม Formaldehyde, Benzene เป็นต้น จากการวิจัยยังพบว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆได้ เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง
บุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดาจริง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีอันตรายเลย สำหรับคนที่อยากเลิกบุหรี่ให้ได้ การเลือกสูบบุหรี่ไฟฟ้าไม่ใช่ทางแก้ เพราะจากงานวิจัยพบว่า จะทำให้เราหันไปติดบุหรี่ไฟฟ้าแทน ทางที่ดีที่สุดสำหรับการเลิกบุหรี่ คือ เลิกทั้งคู่ ต้องหยุดทั้งบุหรี่ธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้า แล้วเข้ารับการรักษากับแพทย์โดยตรง คือทางเลือกที่ดีที่สุด ที่จะทำให้เราหยุดจากวงจรของการเสพติด และนำสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย
ที่มา : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) , รพ.จุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต , รพ.แมคคอร์มิค
ข่าวที่เกี่ยวข้อง