มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ หนุน “ไผ่ ลิกค์” สส.จังหวัดกำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ เร่งรัดหน่วยงานเกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายห้ามนำเข้า และห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า หลังสภาเตรียมตั้ง กมธ.วิสามัญ ศึกษาการแก้ปัญหา "บุหรี่ไฟฟ้า"
ยังคงเป็นประเด็นที่ถูกจับตามองในสังคม สำหรับ "บุหรี่ไฟฟ้า" ซึ่งปัจจุบัน ยังมีการขายแพร่หลาย ทั้งที่ กฎหมายในประเทศไทยยังไม่อนุญาตเป็นกิจกิจจะลักษณะ ซึ่งก็มีทั้งฝั่งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะฝั่งที่คัดค้าน มองว่า บุหรี่ไฟฟ้า เข้าถึงกลุ่มเยาวชนได้ง่าย แถมยังไม่มีงานวิจัยที่ยืนยันได้ว่า มีโทษน้อยกว่าบุหรี่มวน
ล่าสุดวันที่ 8 สิงหาคม ศ.นพ. ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับนายไผ่ ลิกค์ สส.จังหวัดกำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ผู้เสนอญัตติให้สภาผู้แทนราษฎร ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ศึกษาการแก้ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าถึงโทษของบุหรี่ไฟฟ้าต่อสุขภาพ ยังเป็นที่สงสัยว่าเป็นโทษต่อร่างกายมากน้อยเพียงไร และยังไม่มีงานวิจัยที่สามารถยืนยันได้อย่างแน่ชัดว่า บุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่มวนหรือไม่
ซึ่งสอดคล้องกับท่าทีขององค์การอนามัยโลก ที่ยืนยันว่า ผลกระทบระยะยาวต่อสุขภาพของบุหรี่ไฟฟ้า ยังไม่มีใครรู้และการจะเคาะว่าอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้ามีมากน้อยเพียงไร ต้องกลับไปศึกษาบทเรียนจากอันตรายของบุหรี่ธรรมดา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
"ยาเม็ดเลิกบุหรี่" ชนิดใหม่ รายแรกในไทย จากองค์การเภสัช คาดเริ่มขายต้นปี 67
อันตราย! แพทย์เตือนสายควัน สูบบุหรี่ไฟฟ้า เสี่ยงป่วยโรคหัวใจ
ผลวิจัยใหม่พบ “บุหรี่ไฟฟ้า” ทำลายดีเอ็นเอ เสี่ยงมะเร็งเท่าบุหรี่ธรรมดา
ดังนั้น ตนขอเรียกร้องนายไผ่ ลิกค์ เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า ระหว่างที่คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการแก้ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า ที่สภาผู้แทนราษฎรจะมีการตั้งขึ้น
ศ.นพ. ประกิต กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ประเทศไทยมีกฎหมายห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าตั้งแต่ พ.ศ. 2557-2558 แต่ปัญหาอยู่ที่การบังคับใช้กฎหมายยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ทำให้เกิดการระบาด โดยเฉพาะในเด็กนักเรียนและวัยรุ่น
จึงอยากฝากให้กรรมาธิการวิสามัญที่จะตั้งขึ้น ให้ความสำคัญกับการกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบังคับใช้เป็นลำดับแรก ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพราะไม่ว่าจะยกเลิกหรือไม่ยกเลิกการห้ามขาย หากการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าเถื่อนไม่มีประสิทธิภาพ ประเทศไทยก็จะไม่ได้รับประโยชน์เก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นจากการยกเลิกการห้ามขายตามที่คิดไว้