svasdssvasds

การรถไฟฯ แจงหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรค UV-C ใช้งานช่วงกลางคืนไม่กระทบผู้โดยสาร

การรถไฟฯ แจงหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรค UV-C ใช้งานช่วงกลางคืนไม่กระทบผู้โดยสาร

การรถไฟฯ ชี้แจง กรณีจัดหาหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรค (UV-C) ดำเนินการตามระเบียบทุกขั้นตอนด้วยความโปร่งใส และสามารถใช้ปฏิบัติงานได้จริง เพื่อฆ่าเชื้อไวรัสทั้งบนขบวนรถและสถานี คำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดต่อพี่น้องประชาชน

จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) ได้ลงพื้นที่ตรวจการใช้งานหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรคโดยใช้รังสียูวีซี (UV-C) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ณ โรงซ่อมประจำวัน สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ โดยมีเจ้าหน้าที่การรถไฟฯ ให้ข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา

การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ชี้แจงกรณีมีการเผยแพร่ ว่า การรถไฟฯ ได้จัดหาหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรค (UV-C) โดยวางทิ้งไว้ไม่นำมาใช้งานนั้น เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหรือได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวที่มีข้อมูลไม่ถูกต้อง ปัจจุบันการรถไฟฯ ยังมีการนำหุ่นยนต์ออกมาใช้งานฆ่าเชื้อโรคภายในขบวนรถโดยสาร และสถานีรถไฟอยู่เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง โดยนำออกมาในช่วงเวลากลางคืน หรือเวลาที่ไม่มีประชาชนหรือผู้โดยสารอยู่ในพื้นที่แล้ว เพื่อให้เกิดความสะอาด ปลอดภัย และป้องกันไม่ให้รังสียูวีชี (UV-C) ที่มีความเข้มข้นสูงพิเศษ

การรถไฟฯ แจงหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรค UV-C ใช้งานช่วงกลางคืนไม่กระทบผู้โดยสาร

โดยใช้รังสีอัลตราไวโอเลตชนิด C ที่มีความสามารถในการทำลาย DNA และ RNA ของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กและเชื้อโรคต่างๆ ทั้งแบคทีเรีย ไวรัส สปอร์ของเชื้อ ไวรัสโควิด-19 ได้ดี และมีประสิทธิภาพ ค่าใช้จ่ายต่อครั้งต่ำกว่าการฆ่าเชื้อโรคโดยวิธีฉีดพ่นสารเคมี และการเช็ดทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์ และไม่ทิ้งสารเคมีที่เป็นอันตรายไว้หลังการใช้งาน

 

สเป็กคุณสมบัติของหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโดยใช้รังสียูวีซี (UV-C)

  • สามารถฆ่าเชื้อไวรัส/แบคทีเรียด้วยรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตชนิดเข้มข้น  
  • ประมวลผลการทำงานด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ  
  • ขับเคลื่อนได้ด้วยตนเองผ่านระบบไวไฟ 5G
  • ผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐานโดย CE และ TUV Rheinland (UVDR/Ultra Violet Disinfection Robot, AGV/Autonomous Guide Vehicle)  
  • มีประสิทธิภาพฆ่าเชื้อโรคได้ถึง 99.99% ในระยะเวลาเพียงไม่กี่นาที

จึงมีประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อโรคมากกว่าวิธีการฉีดพ่นสารเคมี และการเช็ดทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์ อีกทั้งมีค่าใช้จ่ายต่อครั้งต่ำ ไม่มีสารเคมีตกค้างหลังการใช้งาน 

การรถไฟฯ แจงหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรค UV-C ใช้งานช่วงกลางคืนไม่กระทบผู้โดยสาร

นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย เผยว่า อย่างไรก็ตาม แม้การรถไฟฯ จะมีเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดหา แต่การรถไฟฯ ยังคำนึงถึงความโปร่งใส และยึดหลักธรรมภิบาล ภายใต้ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 อย่างเคร่งครัด โดยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมในการจัดหาหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโดยใช้รังสียูวีซี (UV-C) และคณะกรรมการดำเนินการจัดหาหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโดยใช้รังสียูวีซี (UV-C) พร้อมกับเปิดให้มีการเสนอราคาประมูลแข่งขันอย่างเป็นธรรม และมีการสอบราคาตามที่ถูกต้อง ครบถ้วนทุกขั้นตอน

ที่สำคัญการจัดหาหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโดยใช้รังสียูวีซี (UV-C) จำนวน 20 ตัว นอกจากจะเป็นการได้หุ่นยนต์กำจัดเชื้อโรคที่มีเทคโนโลยีทันสมัยแล้ว ยังได้รวมถึงการบำรุงรักษา ซ่อมแซม และรับประกันตลอด 2 ปีเต็ม ตลอดจนการอบรมเจ้าหน้าที่ของการรถไฟฯ จำนวน 30 คน เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถใช้งานหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อฯ ได้จริง อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ ภายหลังการจัดหาหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรคมาใช้งานแล้ว การรถไฟฯ ยังได้แต่งตั้งคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินการในด้านต่างๆ  เพื่อแสดงความโปร่งใส  และการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า มีประสิทธิภาพอีกด้วย

ปัจจุบัน การรถไฟฯ มีการนำหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโดยใช้รังสียูวีซี (UV-C) มาใช้งานกับขบวนรถโดยสาร และตามสถานีต้นทาง/ปลายทางต่างๆ ดังนี้

  1. สถานีกรุงเทพ จำนวน 4 ตัว
  2. สถานีเชียงใหม่ จำนวน 2 ตัว
  3. สถานีหนองคาย จำนวน 2 ตัว
  4. สถานีอุบลราชธานี จำนวน 2 ตัว
  5. สถานีชุมทางหาดใหญ่ จำนวน 2 ตัว
  6. สำนักงานและพื้นที่ปฏิบัติงานของพนักงานการรถไฟฯ จำนวน 2 ตัว
  7. สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จำนวน 6 ตัว

การรถไฟฯ แจงหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรค UV-C ใช้งานช่วงกลางคืนไม่กระทบผู้โดยสาร

สำหรับผลจากการจัดหาและนำหุ่นยนต์มาใช้ฆ่าเชื้อโรคภายในสถานี และบนขบวนรถโดยสาร สามารถได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ สร้างความปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติงาน และผู้โดยสารอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อนับจากสถิติการเดินทางของผู้โดยสาร 17 ล้านคน นับตั้งแต่มีการนำหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อมาใช้งาน  ไม่พบผู้โดยสารติดเชื้อโควิด-19 หรือโรคระบาดต่างๆ จากการเดินทางโดยรถไฟหรือที่สถานีเลย ซึ่งถือเป็นความคุ้มค่าในการช่วยป้องกันยับยั้งการแพร่ระบาด และลดความสูญเสียของพี่น้องประชาชนได้เป็นอย่างดี

ท้ายนี้ การรถไฟฯ ขอยืนยันในความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการพัฒนาการให้บริการที่ดี เพื่อให้ผู้โดยสารทุกคนสามารถใช้บริการสะดวกปลอดภัย โดยยึดหลักให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน พร้อมกับคำนึงถึงประโยชน์การให้บริการแก่ผู้โดยสารทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ให้เกิดความพึงพอใจสูงสุดในการใช้บริการ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related