เช็กท่าที อิหร่าน อีกหนึ่งตัวแปรสำคัญ ในความขัดแย้ง สงคราม อิสราเอล-ฮามาส
ทำความเข้าใจ ท่าทีของ อิหร่าน ในภูมิภาคอาหรับ กับสงครามความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ฮามาส ที่ดูเหมือนจะหาจุดจบได้ยากจริงๆ และหาก อิหร่าน เข้าร่วมเรื่องความขัดแย้งครั้งนี้อย่างเต็มตัว ไฟสงครามอิสราเอล-ฮามาส ก็คงจะยุ่งเหยิง และเป็นไฟไหม้ลามทุ่งชีวิต มากกว่านี้ไปอีก
ความขัดแย้งของอิสราเอล กับ กลุ่มฮามาส นับตั้งแต่ 7 ตุลาคม 2023 เป็นต้นมา ดูเหมือนว่าจะยังหาจุดสิ้นสุดไม่ได้ และจุดสิ้นสุดในสงครามครั้งนี้ อาจจะ "ไม่มีจริง" ด้วยซ้ำ ตัวเลขผู้เสียชีวิตขยับขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจ ในความขัดแย้งครั้งนี้ นั่นคือ ท่าทีของประเทศอิหร่าน กับคำถามสำคัญ อิหร่านสนับสนุนกลุ่มฮามาส ในการโจมตีอิสราเอลหรือไม่ ?
สำหรับอิหร่านนั้น หากมองจากภูมิรัฐศาสตร์ ถือเป็นศัตรูเบอร์ต้น ๆ ของอิสราเอล มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีชุมชนชาวอิสราเอลรอบ ๆ ฉนวนกาซาที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากหรือไม่นั้น เป็นคำถามที่เกิดขึ้นมาสักพักแล้ว...
โดย หลังจากเกิดเหตุปะทะกันรอบแรก เมื่อ 7 ตุลาคม 2023 อิหร่าน ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของกลุ่มฮามาสนั้น มี อยาตอลเลาะห์ อาลี ฮอสเซนี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ออกมาแสดงการสนับสนุนการโจมตีของกลุ่มฮามาสต่ออิสราเอล
“เราขอแสดงความยินดีกับนักรบปาเลสไตน์” เว็บไซต์ข่าว ISNA รายงานโดยอ้างคำกล่าวของที่ปรึกษา ราฮิม ซาฟาวี “เราจะยืนหยัดเคียงข้างนักรบปาเลสไตน์ จนกว่าปาเลสไตน์และเยรูซาเล็มจะได้รับการปลดปล่อย”
แต่ในขณะเดียวกันก็อิหร่านก็ปฏิเสธความเกี่ยวข้องอย่างทันควัน
"ข้อกล่าวหาว่าอิหร่านมีส่วนเกี่ยวข้องนั้น มีฐานมาจากเหตุผลด้านการเมือง" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่านกล่าว อิหร่านไม่ได้แทรกแซง "การตัดสินใจของประเทศอื่น ๆ" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่านระบุเพิ่มเติม
แต่ถึงกระนั้น จากข้อมูลรวมๆ ทั้งหมดนี้ ก็ไม่ได้แปลว่า อิหร่านไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ เลย โดยในช่วงที่ผ่านมา กาห์ซี ฮาหมัด โฆษกของกลุ่มฮามาส ก็เคยให้รายละเอียดข้อมูลว่า ฮามาสได้รับการหนุนหลังโดยตรงในการโจมตีครั้งนี้จากอิหร่าน โดยอิหร่านเคยให้คำมั่นสัญญาว่า จะ "อยู่เคียงข้างนักสู้ชาวปาเลสไตน์จนกว่าชาวปาเลสไตน์และเยรูซาเลมจะได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระ"
ด้าน ฮุซัยน์ อะมีร อับดุลลอฮิยอน รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่าน เรียกร้องให้บรรดาประเทศมุสลิมที่อยู่ภายใต้องค์การความร่วมมืออิสลาม (โอไอซี) รวมตัวกันออกมาตรการคว่ำบาตรน้ำมัน (Oil embargo) ต่ออิสราเอลทันทีด้วยการหยุดส่งออกน้ำมันให้ และขับทูตอิสราเอลออกจากประเทศ เพื่อตอบโต้เหตุโจมตีในพื้นที่ฉนวนกาซา ที่ล่าสุดเกิดการโจมตีโรงพยาบาลจนมีผู้เสียชีวิตถึง 500 คน
และหลังจากมีเหตุโจมตีโรงพยาบาลในกาซานั้น , อีบราฮิม ราอีซี ประธานาธิบดีอิหร่าน กล่าวปราศรัยระหว่างการรวมตัวเพื่อสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ในกรุงเตหะราน ระบุว่า เหตุโจมตีโรงพยาบาลในกาซาเป็นฝีมือของอิสราเอล ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นแห่งจุดจบของระบอบไซออนิสต์
นอกจากนี้ ผู้นำอิหร่านยังกล่าวหาสหรัฐฯ และผู้นำสหรัฐฯ ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการก่ออาชาญกรรมของอิสราเอลด้วย พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประเทศมุสลิมตัดความสัมพันธ์กับอิสราเอลให้ขาด นี่คือสัญญาณที่เห็นได้ อิหร่าน เป็นศัตรู คู่ตรงข้าม กับ อิสราเอล อย่างชัดเจน
ส่วนทางฝั่งสหรัฐฯ พันธมิตรจากแดนไกลของอิสราเอล ก็พยายามสกัดความเคลื่อนไหวต่างๆ ในอิหร่าน ด้วย โดยทางกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ยังคว่ำบาตรบุคคล และหน่วยงานรวมกันอีก 20 รายชื่อ ซึ่งมีฐานอยู่ในจีน ฮ่องกง เวเนซุเอลา และแน่นอน ใน อิหร่าน ก็มี จากการให้ความสนับสนุนโครงการพัฒนาขีปนาวุธของรัฐบาลเตหะราน และอากาศยานไร้คนขับ
รัฐบาลวอชิงตัน เชื่อมั่นว่า อิหร่านให้การหนุนหลังกลุ่มฮามาสทั้งในทางการเงิน และทางยุทธวิธี อยู่ แต่ยอมรับว่า “ยังไม่พบหลักฐานเด่นชัด” กับเรื่องนี้
กับคำว่า ยังไม่พบหลักฐานเด่นชัด...แต่คนทั้งโลกย่อมรู้ว่า อิหร่านอยู่ฝั่งตรงข้ามอิสราเอล , และหาก อิหร่าน เข้าร่วมเรื่องความขัดแย้งครั้งนี้อย่างเต็มตัว ไฟสงครามอิสราเอล-ฮามาส ก็คงจะยุ่งเหยิง และเป็นไฟไหม้ลามทุ่งชีวิต มากกว่านี้ไปอีก
ที่มา : bbc aljazeera treasury.gov
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
