svasdssvasds

เปิดเหตุผล สหรัฐฯหนุนอิสราเอล กลางไฟสงครามกับฮามาส ไบเดนบินเยือนเทลอาวีฟ

เปิดเหตุผล สหรัฐฯหนุนอิสราเอล กลางไฟสงครามกับฮามาส ไบเดนบินเยือนเทลอาวีฟ

ท่ามกลางไฟสงครามและความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ที่เริ่มปะทุอย่างเข้มข้นมาตั้งแต่ วันที่ 7 ตุลาคม 2023 ในช่วงเวลาที่การโจมตีจากทั้ง 2 ฝ่ายมีขึ้นอยู่เนื่องๆ ในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ ผู้นำโลกอย่างสหรัฐ ก็แสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า หนุนหลัง "อิสราเอล" เต็มที่

วันที่ 18 ตุลาคม 2023 โจ ไบเดน ถึงอิสราเอล ในช่วงเวลาที่ พื้นที่ ณ ตรงนี้ กำลังเกิดวิกฤตด้านมนุษยธรรมอย่างรุนแรงในฉนวนกาซ่า ก่อนที่อิสราเอลจะส่งกำลังทหารภาคพื้นดินบุกเข้าจู่โจม มีความเป็นไปได้ที่ โจ ไบเดน จะใช้โอกาสเยือนอิสราเอลครั้งนี้ เพื่อหารือถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษธรรมเข้าไปยังฉนวนกาซา 

โดย โจ ไบเดน มีกำหนดการเยือนกรุงเทลอาวิฟเป็นแห่งแรก ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังประเทศจอร์แดน เพื่อเข้าเฝ้าฯ กษัตริย์อัลดุลลาห์แห่งจอร์แดน และร่วมหารือกับประธานาธิบดีอียิปต์ อับเดล ฟัตตาห์ เอล-ซิสซี และประธานาธิบดีของชาวปาเลสไตน์ มาห์มูด อับบาส ต่อไป

การมาท่ามกลางไฟสงคราม ของ โจ ไบเดน ตีความได้อย่างชัดเจนว่า เขาต้องการจะบอกให้โลกรู้ว่า สหรัฐฯ หนุนหลัง อิสราเอล และเป็นไหล่ให้อิสราเอลพิง และโจ ไบเดน ก็ประกาศคำสัญญาว่าจะ “ยืนหยัดเคียงข้างอิสราเอล” และขอประณามการกระทำของกลุ่มฮามาสที่เปิดฉากโจมตีและจับตัวประกัน ในช่วงเวลาที่ผ่านมา 

 สายสัมพันธ์ 75 ปี ทำไมสหรัฐฯ หนุนหลังอิสราเอลเต็มที่ 

หลายคนอาจจจะสงสัยว่า แล้ว เพราะเหตุผลใด สหรัฐฯ ที่อยู่ไกลออกไปหลายพันกิโลเมตร และมีมหาสมุทรแอตแลนติกคั่น จึงแสดงท่าที และจุดยืน อิสราเอล , เรื่องนี้ คงต้องย้อนกลับไปไกล ตั้งแต่อิสราเอล ตั้งประเทศ เมื่อปี 1948 หรือเมื่อ 75 ปีที่แล้ว (โลกเพิ่งจบสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้เป็นเวลา 4 ปี โดยในช่วงสงครามโลกนั้น ชาวยิวเผชิญกับความอคติ ความเกลียดชัง และการกดขี่ข่มเหง มานาน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวยิว 6 ล้านคน ถูกพรรคนาซีเยอรมันและผู้สนับสนุนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หรือที่เรียกว่าเหตุการณ์ฮอโลคอสต์ ) ซึ่งจากแนวความคิด การรวมตัวกันก่อตั้งประเทศ   ชาวยิวซึ่งอยู่กระจัดกระจายทั่วโลก ด้วยสาเหตุต่าง ๆ ต้องการกลับมาตั้งรกรากในดินแดนเยรูซาเล็ม เพราะเชื่อว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของชาวยิว 

แต่ในขณะเดียวกัน ในช่วงเวลานั้น ดินแดนตรงนี้ ได้เป็นของชาวปาเลสไตน์และชาวอาหรับอื่น ๆ ไปแล้ว  แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะนั้น แฮร์รี ทรูแมน เป็นผู้นำโลกคนแรกที่รับรองรัฐยิวแห่งใหม่ ถึงจะยังไม่มีสถานะเป็นประเทศอย่างเป็นทางการก็ตาม

การกระทำของแฮร์รี่ ทรูแทน ประธานาธิบดีสหรัฐ ฯ คนที่ 33 เป็นที่ยอมรับและชื่นชมในอิสราเอลมาก ถึงขั้นมีการตั้งชื่อหนึ่งในชุมชนเกษตรว่า “ฟาร์ทรูแมน” (Kfar Truman) เพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ รายนี้ด้วย

เปิดเหตุผล สหรัฐฯหนุนอิสราเอล กลางไฟสงครามกับฮามาส ไบเดนบินเยือนเทล อาวีฟ, เจอหน้ากัน ก็กอดให้กำลังใจกันทันที  Credit ภาพ reuters

เปิดเหตุผล สหรัฐฯหนุนอิสราเอล กลางไฟสงครามกับฮามาส ไบเดนบินเยือน 18 ต.ค.  และ ไบเดน กับ เนทันยาฮู ก็แสดงความห่วงใยกัน Credit ภาพ reuters

เวลาต่อมา ในช่วง สมัยของประธานาธิบดี ดไวต์ ไอเซนฮาวเออร์ , ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และอิสราเอล ได้ร่วมกันโจมตีอียิปต์ในปี 1956 เพื่อพยายามยึดคลองสุเอซและโค่นล้มประธานาธิบดี กามาล อับเดล นัสเซอร์ ของอียิปต์ ทำให้ไอเซนฮาวเออร์ต้องกดดันประเทศเหล่านี้ให้ถอนทหาร และเขาไม่พอใจที่อิสราเอลไปร่วมวงในการโจมตีประเทศอื่น 

ส่วนในยุคของ จอห์น เอฟ.เคนเนดี แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่เขาได้บริหารประเทศ แต่ เคเนดี ก็มีความกังวลเกี่ยวกับความทะเยอทะยานด้านนิวเคลียร์ของอิสราเอล จึงได้พยายามหาทางส่งผู้ตรวจสอบของสหรัฐฯ เข้าไปในพื้นที่นิวเคลียร์ และระงับโครงการนิวเคลียร์ของอิสราเอล

จากนั้น ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-อิสราเอล เข้ามาใกล้ชิดกันมากขึ้นในยุคของประธานาธิบดี ลินดอน จอห์นสัน โดยเขาให้ความช่วยเหลือและจัดหาสิ่งจำเป็นต่าง ๆ ให้อิสราเอลในช่วงหลายปีก่อนสงคราม 6 วันในปี 1967

ต่อมาในสมัยของประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ได้เกิด “สงครามยมคิปปูร์” ขึ้นในปี 1973 โดยแนวร่วมรัฐอาหรับ ซึ่งมีประเทศอียิปต์และซีเรียเป็นผู้นำ ได้เปิดฉากโจมตีอิสราเอล  สหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของนิกสัน ตัดสินใจช่วยสนับสนุนอิสราเอล โดยการส่งความช่วยเหลือให้ทางอากาศ รวมถึงมีการส่งมอบอาวุธให้ด้วย

ดังนั้น จะเห็นได้ว่า การสนับสนุนอาวุธของสหรัฐฯ ในช่วงโลกสงครามเย็น และ ในช่วงที่อิสราเอล ก่อร่างสร้างประเทศนั้น  มีความสำคัญต่อการอยู่รอดของอิสราเอล ณ เวลานั้นมากๆ

ส่วนในการโจมตีและปะทะกันครั้งนี้ ใน ตุลาคม 2023 ทันทีที่ มีการปะทะกันในวันที่ 7 ตุลาคม  ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประณามการโจมตีของกลุ่มฮามาสว่า "ไร้สามัญสำนึก" พร้อมยืนยันว่าสหรัฐฯ จะให้ความช่วยเหลือแก่อิสราเอลในการป้องกันตนเองตามที่อิสราเอลต้องการ

"สหรัฐฯ ยืนเคียงข้างประชาชนอิสราเอลในการเผชิญกับการโจมตีของผู้ก่อการร้าย และอิสราเอลมีสิทธิในการป้องกันตนเองและประชาชนของตน" ไบเดนแถลงที่ทำเนียบขาว โดยมี แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ร่วมด้วย และจากนั้น ไม่ถึง 2 สัปดาห์ ไบเดน ก็มา ปรากฏตัว บนแผ่นดินของอิสราเอลทันที.

และเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว , ก่อนการมาเยือน , ประธานาธิบดีไบเดนได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลก่อนแล้ว  โดยทำเนียบขาว ระบุว่า สหรัฐฯ จะให้การสนับสนุนอิสราเอลอย่างต่อเนื่อง โดยจะมอบความช่วยเหลือด้านการทหารให้แก่อิสราเอลเพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงเครื่องกระสุน ขีปนาวุธสำหรับระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศ “ไอเอิร์นโดม” (Iron Dome) เรือบรรทุกเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยุทโธปกรณ์อื่น ๆ ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ให้ความช่วยเหลือทางการทหารแก่อิสราเอลแล้ว 3,800 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.5 แสนล้านบาท

โจ ไบเดน เดินทางมาเยือนอิสราเอล วันที่ 18 ต.ค. 66  หลังจากเหตุปะทะกันระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ตั้งแต่ 7 ต.ค. 66 Credit ภาพ reuters


• ผู้นำยุโรป แสดงท่าที หนุน อิสราเอล ในการปะทะกลุ่มฮามาส 
 

ทั้งนี้ ไม่ใช่ สหรัฐฯ ประเทศเดียว ที่มีท่าทีอยู่เคียงข้าง อิสราเอล เพราะนับตั้งแต่มีการปะทะตั้งแต่ 7 ตุลาคม 2023 บรรดาผู้นำยุโรปต่างออกมาประณามการโจมตีอิสราเอลของกลุ่มฮามาส พร้อมทั้งแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับอิสราเอล อาทิ 

เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC)  ชี้ว่า การโจมตีของกลุ่มฮามาส “เป็นการก่อการร้ายในรูปแบบที่เลวทรามและน่ารังเกียจที่สุด” และ “อิสราเอลมีสิทธิ์ที่จะปกป้องตนเองจากการโจมตีที่ชั่วร้ายเช่นนี้” , ฝั่งนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ ของเยอรมนี กล่าวว่า “เยอรมนีขอประณามการโจมตีของกลุ่มฮามาส และขอยืนหยัดเคียงข้างอิสราเอล”

 ขณะที่ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ออกมาประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน โดยเรียกว่าเป็น ‘การโจมตีของผู้ก่อการร้าย’ ต่ออิสราเอล พร้อมแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับผู้ประสบภัยและครอบครัว

ด้านสหราชอาณาจักรได้ประณามการโจมตีของกลุ่มฮามาสต่ออิสราเอล โดยรัฐมนตรีต่างประเทศ เจมส์ เคลฟเวอร์ลี โพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียว่า “สหราชอาณาจักรจะสนับสนุนสิทธิของอิสราเอลในการปกป้องตนเองตลอดไป”  เช่นเดียวกับเบลเยียม, สาธารณรัฐเช็ก, กรีซ, โปแลนด์ , อิตาลี และสเปน ที่ออกมาประณามการโจมตีเช่นกัน

Credit ภาพปก : reuters 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related