หลังเพจดังแฉ สส.ปราจีนบุรี เขต 2 พรรคก้าวไกล มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศทีมงานทางแชทไลน์ หัวหน้าคณะกรรมการวินัยแจงเร่งตรวจสอบหลักฐานส่ง กก.บห.พรรค ด้านสภาขาด ‘ผู้นำฝ่ายค้าน’ ยังกลไกไม่พร้อม
นายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมการวินัยของพรรค ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายวุฒิพงษ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี เขต 2 ถูกร้องเรียนว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสมทางเพศ แชทหาทีมงานผู้หญิง ว่าพรรคก้าวไกลได้รับเรื่องร้องเรียนเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว ได้มีกระบวนการในการตั้งกรรมการสอบวินัยเฉพาะกิจเพิ่มเติม ได้ ทนายแจม น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ และทนายก้อย น.ส.นิตยา มีศรี เนื่องจากเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ ซึ่งได้สอบข้อเท็จจริงทั้งผู้ถูกกล่าวหาและผู้กล่าวหาที่อ้างว่าได้รับความเสียหาย รวมถึงพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตามในการสืบหาข้อเท็จจริง ทั้ง 2 ฝ่ายต่างกล่าวอ้าง ถึงตัวบุคคล เอกสาร และหลักฐานจำนวนมาก ถือว่ากระบวนการยังไม่สิ้นสุดและมีกระบวนการมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ คงยังไม่สามารถระบุวัน เวลาได้ แต่พรรคได้สื่อสารกับผู้เสียหายเป็นระยะ และท้ายที่สุดเมื่อกระบวนการทางวินัยเสร็จสิ้นลง ตามข้อบังคับการประชุมของพรรคก้าวไกลที่มีการแก้ไขใหม่ ต้องมีการเสนอเรื่องให้คณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาต่อไป และหากมีความคืบหน้าหรือความชัดเจน พรรคก้าวไกลจะขอแถลงรวมกับอีก 2 กรณี เป็นอย่างน้อย เพราะเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความรุนแรง และเรื่องเพศ กรณีนั้นทางพรรคได้มีการวินิจฉัย และตัดสินไปนานแล้ว
เมื่อถามว่าเรื่องนี้มีมูลหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่ากว่าผู้เสียหายจะมาร้องเรียน จะรวบรวมความกล้า และมีข้อมูลพยานหลักฐาน แม้บางครั้งหลายกรณีจะไม่มีพยานหลักฐาน ก็ต้องมองว่าเขากล้าตัดสินใจที่จะร้องเรียนต่อพรรค ก็ต้องถือว่าเรื่องเหล่านี้มีมูล แต่จะเป็นลักษณะความผิดแบบใด เข้าข่ายไปถึงขนาดไหน และจะตัดสินว่ามีความความผิดหรือไม่ ต้องเรียนว่ามีระเบียบที่แตกต่างกัน เช่นกรณีกระทบชื่อเสียงพรรค ก็จะเป็นแบบหนึ่ง คุกคามทางเพศก็จะเป็นแบบหนึ่ง
นายณัฐวุฒิย้ำว่าโทษของกรณีนี้ หากผิดจริงก็ต้องถือว่าผิดวินัยร้ายแรง มีโทษสองสถานเท่านั้นคือตัดสิทธิ์ที่พึงมี ซึ่งรวมไปถึงการตัดสิทธิ์ไม่ส่งลงสมัครลงเลือกตั้งครั้งหน้า และการให้พ้นสมาชิกภาพของพรรค แต่ตอนนี้ยังเร็วไปที่จะตอบ ว่าผลการพิจารณาเป็นอย่างไร แต่รับเรื่องมาจริงและมีกระบวนการสอบหลายครั้ง ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับคณะกรรมการวินัย และเสียงส่วนใหญ่ของคณะกรรมการวินัยมองว่ายังขาดพยานหลักฐานในหลายประเด็น ซึ่งต้องทำให้รอบคอบที่สุด
นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 กล่าวถึงกรณีนี้ว่าที่ยังไม่สามารถดำเนินการตรวจสอบพฤติกรรม สส. ในกรณีดังกล่าวได้ เนื่องจากยังไม่มีผู้ร้องเรียน และนี่คือความจำเป็นที่จะต้องมีผู้นำฝ่ายค้านโดยเร็วที่สุด เพราะเรื่องคณะกรรมการจริยธรรม และคณะกรรมการสรรหาตำแหน่งต่างๆ ทางการเมือง ถ้าไม่มีผู้นำฝ่ายค้านก็จะดำเนินการไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่กลไกเดียวที่จะทำให้เกิดการตรวจสอบ ซึ่งตอนนี้เห็นหลักฐานที่ปรากฏตามหน้าสื่อฯ แต่สำคัญที่สุดจะต้องมีโอกาสชี้แจงและแสดงหลักฐานเพิ่มเติม ทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้องด้วย คาดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะนานเกินรอ เพราะ กกต. รับรองสถานะของหัวหน้าพรรคก้าวไกลและจะมีผู้นำฝ่ายค้านในเร็วๆ นี้แน่นอน
10 ตุลาคม 2566 เพจ ‘วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร’ เปิดเผยภาพแชทและข้อความเกี่ยวกับ สส.ปราจีนบุรี เขต 2 พรรคก้าวไกล มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศผู้หญิงที่มาทำงานเป็นอาสาสมัคร โดยมีเนื้อความว่า “ว๊ายย !! ทำผิดวันนี้ ลงโทษอีก 3 ปี ไหวหรือค๊าาา แถมทำผิดตั้งแต่เดือน สค. จนถึงตอนนี้ยังสอบไม่เสร็จ พี่แจ้ลงพื้นที่ถ่ายรูปแบบนี้เหมาะสมหรือคะ ขอบคุณข้อมูลจากเพจ RightTeam ค่ะ และโพสต์สุดท้าย เขียนข้อความ ระบุว่า #ทุกคนคะ พี่แจ้ลูก 2 แล้วนะคะ ทำไมยังหื่นอีกคะ”
ขณะเดียวกัน เพจดังกล่าวโพสต์ภาพข้อความใน X ที่มีผู้ใช้งานรายหนึ่งเขียนแคปชันว่า “จริงครับ เพื่อนผมทำงานอาสากับ…ถูก สส.ปราจีนบุรี คุกคามทางเพศทั้งในแชทส่วนตัวแล้วยังลวนลามอีก แจ้งพรรค แจ้งใคร ก็ไม่มีใครสนใจ สส. ก็ยังลอยหน้าลอยตาอยู่” และภาพข้อความใน X ของนางสาวอิชย์อาณิคม์ ชิตวิเศษ นักสื่อสารนโยบาย Think Forward Center ว่า “เคสนี้ เข้าใจว่าเรื่องถึงพรรคและกรรมการวินัยแล้ว เบื้องต้นเข้าใจว่า สส.คนนี้น่าจะถูกตัดสิทธิไม่ส่งลงสมัครต่อไป แต่อย่างไรก็ตามยังไม่พบว่า มีการแถลงข้อสรุปเรื่องนี้อย่างจริงจัง พร้อมทั้งแท็กฝาก ทนายแจม ในฐานะกรรมการสอบวินัยของพรรคด้วยค่ะ”
จากนั้น พรรคก้าวไกล ทวีตข้อความชี้แจงว่า “หลังจากได้รับคำร้องจากผู้ร้องเรียน ทางพรรคได้ริเริ่มกระบวนการสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการวินัยพรรคเมื่อเดือน ส.ค. โดยมีการเชิญแต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมตลอดเดือน ก.ย. เมื่อได้ข้อสรุป ทางพรรคจะดำเนินการสื่อสารผลสรุปต่อสาธารณะโดยทันที รวมถึงสื่อสารผลสรุปของกรณีทั้งหมด ก่อนหน้านี้ ที่ได้มีการตัดสินไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”