ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัย! การสืบค้น “เว็บเสิร์ชชื่อดัง” ช่องทางใหม่ มิจฉาชีพออนไลน์ แฝงปลอมเว็บไซต์รับแจ้งความออนไลน์ ลวงเหยื่อมีเอี่ยวเว็บพนันออนไลน์ แอบใช้หน่วยงานรัฐ ก่อนล้วงข้อมูลส่วนตัว บัญชีธนาคาร อ้างกลวิธีกู้คืนทรัพย์ เพื่อหลอกให้โอนเงิน
วันที่ 27 สิงหาคม 2566 ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. กล่าวว่า ศูนย์บริหารการแจ้งความออนไลน์ รายงานการพบผู้เสียหายหลายราย ถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้โอนเงินในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าการหลอกลวงให้ซื้อสินค้าหรือบริการออนไลน์ หลอกให้กู้เงิน หลอกให้ลงทุน หรือการหลอกลวงให้ติดตั้งแอปพลิเคชันควบคุมโทรศัพท์ ทำให้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
ผู้เสียหาย จึงได้ใช้คำว่า “แจ้งความออนไลน์” เป็นคีย์เวิร์ด (Keyword) ในการสืบค้นข้อมูลผ่านเว็บไซต์ค้นหา (Search Engine Site) ยอดนิยมต่างๆ เช่น Google.com, Bing.com เป็นต้น ทำให้พบเว็บไซต์การรับแจ้งความออนไลน์ที่ถูกยิงโฆษณาขึ้นมาเป็นลำดับแรกๆ ภายหลังทราบว่า เว็บไซต์เหล่านี้มิจฉาชีพสร้างปลอมขึ้นมา
เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อเข้าไปยังเว็บไซต์ปลอมดังกล่าวแล้ว มิจฉาชีพจะให้เพิ่มเพื่อนหรือแอดไลน์ไปยังบัญชีไลน์ ซึ่งแอบอ้างเป็นที่ปรึกษากฎหมาย หรือทนายความ แล้วมีการสอบถามข้อมูลต่างๆ ตั้งแต่ข้อมูลส่วนบุคคล รายละเอียดการถูกฉ้อโกงหรือการหลอกลวง มูลค่าความเสียหาย และขอเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น ชื่อเว็บไซต์หรือชื่อแพลตฟอร์ม หลักฐานการโอนเงิน ประวัติการสนทนากับมิจฉาชีพ เป็นต้น
รวมถึงมีการทำหนังสือมอบอำนาจปลอมเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ โดยให้ทนายปลอมเป็นผู้มีอำนาจดำเนินการทางคดีที่เกี่ยวข้องแทนผู้เสียหาย ซึ่งมีค่าดำเนินการ 10% จากมูลค่าความเสียหายทั้งหมด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• เตือนภัย! SMS เงินดิจิทัล 10,000 บาท ปลอม เริ่มระบาด กดกรอกโดนแฮกไม่รู้ตัว
• แบงก์ชาติ เตือนภัย มุกใหม่มิจฉาชีพ ได้รับ "3 ข้อความ" อย่ากด อย่ากรอกข้อมูล
• ดีอีเอส เปิดวิธีเช็ก "เบอร์มิจฉาชีพ" ขึ้นต้นด้วย +697 +698 อย่ารับสายเด็ดขาด
ต่อมา ทนายความปลอมจะให้ติดต่อกับตำรวจ ฝ่ายไอทีปลอม ซึ่งอ้างว่าสามารถติดตามกู้คืนทรัพย์สินที่ผู้เสียหายสูญเสียไปกลับคืนมาได้ โดยแจ้งผู้เสียหายว่า การตรวจสอบเส้นทางการเงินพบเงินของผู้เสียหายถูกนำไปฟอกเงินผ่านเว็บพนันออนไลน์ต่างประเทศ แต่ทีมไอทีสามารถทำการกู้ความเสียหายและนำเงินคืนกลับมาได้ โดยวิธีการโจมตีแพลตฟอร์มดังกล่าวทำให้ข้อมูลผันผวน
เจ้าหน้าที่ ฝ่ายไอทีปลอมจะอธิบายให้ผู้เสียหายทำตามขั้นตอน เริ่มจากการเข้าไปสมัครสมาชิกเว็บไซต์พนัน ผูกบัญชีธนาคาร และเติมเงินเข้าไปในบัญชี โดยมิจฉาชีพจะให้ผู้เสียหายเล่นพนันในเวลาที่เจ้าหน้าที่โจมตีระบบ เพื่อทำให้เล่นการพนันชนะได้ทรัพย์สินกลับคืนมา นอกจากนี้ ผู้เสียหายยังถูกชวนให้เข้ากลุ่มผู้เสียหายหน้าม้าอีก 5-10 คน ทำหน้าที่สนทนาโต้ตอบกับเจ้าหน้าที่ไอทีปลอม มีการพูดหรือแสดงในลักษณะว่าได้รับเงินคืนจริง
เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินเติมลงไปในเว็บไซต์พนันดังกล่าว เริ่มแรก เมื่อเดิมพนันชนะจะได้จะเงินคืนและสามารถถอนออกมาได้จริง แต่เมื่อโอนเงินไปเดิมพันมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ทำให้ต่อมาผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินออกมาจากระบบได้ เจ้าหน้าที่ไอทีปลอมจะอ้างเหตุผลต่างๆ ที่ไม่สามารถถอนเงินได้ เนื่องจากเป็นความผิดของเว็บไซต์พนันออนไลน์ หรือถูกเว็บไซต์พนันนั้นหลอกลวง
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ซึ่งได้เร่งรัดขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมออนไลน์ในทุกรูปแบบ รวมถึงการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ซึ่งถือเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน
โฆษก บช.สอท. กล่าวว่า ในการเข้าถึงบริการต่างๆ บนสื่อออนไลน์ โดยเฉพาะการติดต่อหน่วยงานรัฐ ควรตรวจสอบ ระมัดระวังการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลการเงิน ข้อมูลทางคดี นอกจากจะถูกใช้ไปเเสวงหาประโยชน์แล้ว ยังอาจถูกหลอกลวงให้โอนเงินในลักษณะดังกล่าวอีกด้วย
รวมถึงไม่หลงเชื่อเพียงเพราะมีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แอบอ้างสัญลักษณ์ของหน่วยงานนั้นๆ หรือมีการยิงโฆษณา หรือมีชื่อเพจ หรือเว็บไซต์ที่ตั้งชื่อคล้ายกับของหน่วยงานนั้นจริงเท่านั้น
9 วิธีการป้องกันเข้าสู่เว็บไซต์ปลอม
1. หากท่านต้องการเข้าเว็บไซต์ใด ให้พิมพ์หรือกรอกชื่อเว็บไซต์ด้วยตนเอง ป้องกันการเข้าสู่เว็บไซต์ปลอม
2. ประชาชนที่ได้รับความเสียหายในคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สามารถแจ้งความออนไลน์ได้ที่ thaipoliceonline.com เท่านั้น โดยสามารถโทรสอบถามได้ที่ สายด่วนตำรวจไซเบอร์ 1441 หรือ 081-866-3000 ไม่มีช่องทางไลน์ทางการ มีเพียงแชทบอท @police1441 ไว้ปรึกษาคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งคอยให้บริการตอบคำถามประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง
3. ระมัดระวังการสืบค้นข้อมูลผ่านเว็บไซต์ค้นหาต่างๆ (Search Engine Site) มิจฉาชีพอาจสร้างเว็บไซต์ปลอมขึ้นมา แล้วทำการยิงโฆษณาเพื่อให้ผู้เสียหายพบเป็นอันดับแรกๆ
4. บช.สอท. และหน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่มีนโยบายให้ประชาชนติดต่อกับที่ปรึกษากฎหมาย หรือทนายความ หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยี เพื่อทำการติดตามทรัพย์สินที่ถูกหลอกลวงไปกลับคืนได้แต่อย่างใด
5. ขั้นตอนการแจ้งความออนไลน์ ผู้เสียหายจะต้องลงทะเบียนและยืนยันตัวตนผ่านหมายเลขโทรศัพท์หรืออีเมลเสียก่อน จากนั้นเข้าไปกรอกรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง เมื่อดำเนินการเสร็จสิ้นจะได้รับเลขรับแจ้งความออนไลน์ หรือ Case ID ไว้ใช้ในการติดตามความคืบหน้าทางคดี สอบถาม หรือแจ้งปัญหาได้ตลอดเวลา ไม่มีการให้เพิ่มเพื่อนหรือแอดไลน์ติดต่อกับเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด
6. เว็บไซต์ปลอมมีองค์ประกอบของเว็บไซต์น้อยกว่าเว็บไซต์จริง และเว็บไซต์ปลอมจะไม่สามารถเข้าคลิกเข้าไปสู่ฟังก์ชัน หรือคลิกเข้าไปสู่หน้าอื่นๆ ของเว็บไซต์ได้ ในกรณีเช่นนี้หวังเพียงให้แอดไลน์เพิ่มเพื่อนเท่านั้น
7. ไม่กรอก หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลทางคดี ผ่านสังคมออนไลน์ต่างๆ เช่น ไลน์ เฟซบุ๊ก โดยเด็ดขาด
8. หากพบ หรือไม่แน่ใจว่าเป็นเว็บไซต์ของหน่วยงานนั้นๆ จริงหรือไม่ ให้ติดต่อไปยังหน่วยงานนั้นๆ โดยตรง ผ่านหมายเลขคอลเซ็นเตอร์ของหน่วยงานนั้น เพื่อสอบถามและแจ้งให้ทำการตรวจสอบทันที
9. หากมีการให้โอนเงินไปยังหน่วยงานที่ถูกแอบอ้างก่อนที่จะได้รับบริการใดๆ ให้สันนิษฐานว่าเป็นมิจฉาชีพแน่นอน