กรมศุลการ-บช.ปส. ยึดเฮโรอีน 32 กิโลฯ ซุกกล่องพลาสเตอร์บรรเทาปวดยี่ห้อดัง เตรียมส่งออกประเทศออสเตรเลีย รวมมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท เร่งสอบสวนขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีให้ได้
10 มิถุนายน 2566 เฮโรอีน น้ำหนัก 32 กิโลกรัม รวมมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ถูกซุกอยู่ในกล่อง “พลาสเตอร์แก้ปวด” ยี่ห้อดัง ขณะเตรียมส่งออกไปยังประเทศออสเตรเลีย นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ รองอธิบดีกรมศุลกากร รักษาการที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี และโฆษกกรมศุลกากร พร้อมด้วย พ.ต.อ.ณรัชต์พล เลิศรัชตะปภัสร์ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ นายถวัลย์ รอดจิตต์ ผอ.กองสืบสวนและปราบปราม พ.ต.อ.พลเดช สังข์สิริ ผกก.3 บก.ปส.1 บช.ปส. และ พ.ต.ท.กิตติคุณ พ่วงนาคพันธุ์ ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการข่าวและปราบปรามยาเสพติด 6 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)
พร้อมเจ้าหน้าที่ศุลกากร ร่วมกันแถลงผลการตรวจยึดยาเสพติดของกลางเฮโรอีน น้ำหนักรวม 32 กิโลกรัม รวมมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ซุกซ่อนภายในกล่องสินค้าแผ่นแปะบรรเทาปวดยี่ห้อดัง ตรวจยึดได้จากบริเวณท่าเรือกรุงเทพฯ ที่ศูนย์เอกซเรย์ และเทคโนโลยีศุลกากร สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพฯ คลองเตย ขณะเตรียมส่งออกปลายทางเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
พ.ต.อ.ณรัชต์พล กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจาก มีคำสั่งศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติที่ 11/2564 โดยแต่งตั้งอธิบดีกรมศุลกากรเป็นประธานอนุกรรมการ เพื่อดำเนินการสกัดกั้น การลักลอบเคลื่อนย้ายยาเสพติดข้ามชาติ โดยสำนักงานกรมศุลกากรท่าเรือ จึงเปิดยุทธวิธี สทก.ท้ารบ สยบไพรี
กระทั่งวานนี้ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำการจับกุมยาเสพติดเฮโรอีน จำนวน 32 กิโลกรัม ซ่อนในพลาสเตอร์บรรเทาปวด โดยเป็นผลการจับกุมครั้งที่ 5 รวมมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท
ด้าน นายพันธ์ทอง กล่าวว่า ขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม เนื่องจากว่าของกลางถูกบรรจุซุกในหีบห่อแผ่นประคบปวด ทั้งหมด 50 ลัง ของกลางมีอยู่เพียง 5 ลัง หากเจ้าหน้าที่ไม่ละเอียดรอบครอบ ยากจะตรวจเจอ ต้องใช้หลายส่วนประกอบกัน ทั้งเรื่องเอ็กซเรย์ ข้อมูลต่างๆ และไหวพริบ
นายพันธ์ทอง กล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะทำการขยายผลร่วมกับ ตำรวจ บช.ปส.และ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. สำหรับชื่อผู้ส่งยาเสพติดล็อตนี้ ยังไม่สามารถนำเปิดมาเผยได้ ต้องให้เจ้าหน้าที่ทำการสอบสวนขยายผลต่อ ว่ามีการใช้ชื่อในนามบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล หรือสวมชื่อผู้อื่น เพื่อหาความเชื่อมโยง และนำตัวผู้กระทำมาดำเนินคดี
ขณะที่ พ.ต.อ.พลเดช กล่าวว่า การสังเกตุสิ่งของจะเหมือนเดิมทุกครั้ง หากพบสิ่งของต้องสงสัยที่เข้ามา จะมีการเอ็กซเรย์เพื่อตรวจสอบ ส่วนการขยายผล จะนำตัวผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวน เพื่อทำการสอบปากคำ และดูว่าต้นทางและปลายทางว่าเป็นผู้ใด ก่อนจะสืบสวนขยายผลต่อไป
ส่วนกรณีบุหรี่ไฟฟ้าที่เข้ามานั้น นายพันธ์ทอง กล่าวด้วยว่า การนำเข้ามานั้น ตู้คอนเนอร์มีเป็นหลายล้านตู้ แต่เจ้าหน้าที่ต้องเลือกตรวจ เพราะไม่สามารถเปิดทุกตู้ได้ ทำให้ต้องมีลักลอบนำเข้ามาได้บ้างบางส่วน