ครบรอบ 3 ปี อุ้มหายวันเฉลิม “รังสิมันต์ โรม” ยัน ภายใต้ “รัฐบาลพิธา" พ.ร.บ.ป้องกันอุ้มหาย ต้องไม่เป็นเพียงเศษกระดาษ
“รังสิมันต์ โรม” ว่าที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความครบรอบ 3 ปี ที่ “วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์” หายตัวอย่างมีเงื่อนงำ พร้อมยืนยันว่า หากรัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล เกิดขึ้น พ.ร.บ.ป้องกันอุ้มหาย ต้องไม่เป็นเพียงเศษกระดาษ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ครบรอบ 3 ปี อุ้มหายวันเฉลิม
“วันนี้ (4 มิถุนายน) เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ขณะกำลังทำงานอยู่ที่สภา ตนได้รับทราบข่าวกรณีต้องสงสัยว่าเป็นการบังคับให้บุคคลสูญหายเกิดขึ้นอีกครั้ง
“กรณีลักษณะนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ภายใต้การครองอำนาจหลายปีของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” และพวก แต่ที่ต่างไปจาก 9 คนก่อนหน้า คือครั้งนี้ผู้ตกเป็นเหยื่อไม่ใช่คนอื่นคนไกล เขาคือคนที่ตนรู้จักเป็นการส่วนตัว คือคนที่ตนเคยคุยด้วยตัวเป็นๆ เคยสวัสดีเวลาพบหน้า เคยขอให้โชคดีเวลาแยกย้าย คือคนที่อยู่ในแวดวงเดียวกับกลุ่มเพื่อนที่ตนสนิทที่สุด
“สิ่งที่เกิดขึ้นกับ คุณวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ หรือ พี่ต้าร์ เป็นเครื่องย้ำเตือนต่อตนอย่างหนักหน่วงยิ่งว่า การอุ้มหายสามารถเกิดขึ้นได้ แม้กับคนใกล้ตัวที่เราไม่คิดว่าจะเกิด เพียงแค่เขายืนอยู่ตรงข้ามกับอำนาจเผด็จการ”
กฎหมายป้องกันการอุ้มหาย
“รังสิมันต์ โรม” ระบุต่อไปว่า “กฎหมายป้องกันการอุ้มหาย ถูกเร่งพิจารณายกร่างขึ้นมาหลังจากนั้น ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคและความไม่แน่นอนหลายอย่าง ภาคประชาชน และ ส.ส. ที่ร่วมผลักดันต้องพยายามทำความเข้าใจกับหน่วยงานราชการต่างๆ หลายครั้งหลายหน ผ่านจากชั้น ส.ส. ไปแล้วก็ยังต้องไปเจอด่าน ส.ว. อีก
“แม้กระทั่งวันที่ประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้ว รัฐบาลก็ยังหาลูกไม้ถ่วงเวลาด้วยการออก พ.ร.ก. เลื่อนการบังคับใช้บางส่วนออกไปอีก (ซึ่งน่าโล่งอกที่สุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญตีตกไป)
“ในวันนี้ที่ประเทศไทยมี พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายเป็นกฎหมายของบ้านเมืองแล้ว แน่นอนว่าการบังคับใช้จริงจะมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใดนั้น เป็นเรื่องที่จะต้องติดตามกวดขันกันต่อไป
“แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกลที่ซึ่งได้รับเสียงแห่งความไว้วางใจจากประชาชนมากที่สุด รวมถึงรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะมีขึ้น ซึ่งมี คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ขอเป็นประกันว่าจะทำอย่างเต็มที่เพื่อสนับสนุนให้ พ.ร.บ. ดังกล่าวคุ้มครองประชาชนได้จริง ไม่ใช่เป็นเพียงเศษกระดาษ
“เราจะไม่ยอมให้ประชาชนคนใด คิดเห็นทางการเมืองฝ่ายไหน ต้องถูกกระทำเฉกเช่นพี่ต้าร์อีก หากใครริอาจทำก็จะต้องรับโทษอย่างถึงที่สุด เราจะไม่ยอมให้ 3 ปีที่ทุกฝ่ายในสังคมช่วยขับเคลื่อนและฝากความหวังกันมา ต้องสูญเปล่าอย่างแน่นอน”
ว่าที่ ส.ส. พรรคเป็นธรรม ชี้ การอุ้มหายจะไม่เกิดขึ้น หากเรามีรัฐบาลประชาธิปไตย
นอกจากนั้น “กัณวีร์ สืบแสง” เลขาธิการพรรคเป็นธรรม และว่าที่ ส.ส. พรรคเป็นธรรม ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านสื่อโซเชียลว่า
“ต้องไม่มีคนถูกอุ้มหายเพราะต่อสู้กับเผด็จการ แบบวันเฉลิม และผู้คิดต่างทางการเมืองต้องไม่ถูกประหัตประหารให้เป็นผู้ลี้ภัย หากเรามีรัฐบาลประชาธิปไตย” โดยมีรายละเอียดดังนี้
“4 มิถุนายน 2566 ครบ 3 ปีการหายตัวไปของ นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย ผู้ลี้ภัยทางการเมืองจากเหตุรัฐประหารปี 2557 จนถูกบังคับให้สูญหาย จากบริเวณหน้าคอนโด Mekong Garden Condominium กรุงพนมเปญ จ.กัมพูชา เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2563
“นายวันเฉลิม ถูกอุ้มหายจากหน้าที่พัก ถูกอุ้มขึ้นรถตู้ ท่ามกลางผู้ที่เห็นเหตุการณ์และประจักษ์พยาน ที่ต่อมาครอบครัวและทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นต่อศาลกัมพูชา เมื่อปี 2564 และยื่นต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ของไทย แต่ไม่มีความคืบหน้าทางคดี เพราะต่างอ้างขอบเขตอำนาจการสอบสวน ทำให้ความหวังจะได้รับความยุติธรรมให้กับนายวันเฉลิม ยังไม่มีความคืบหน้า
“ผมเชื่อว่าหากรัฐบาลชุดใหม่ ที่เป็นรัฐบาลประชาธิปไตย ภายใต้การนำของพรรคก้าวไกล และพรรคเป็นธรรม ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะผม จะทำงานปกป้องคุ้มครองไม่ให้มูลเหตุแห่งการเป็นผู้ลี้ภัย โดยเฉพาะเรื่องความเห็นต่างทางการเมือง เป็นต้นเหตุให้มีคนไทยลี้ภัยไปประเทศอื่นๆ
รวมทั้ง จะทำอย่างเต็มที่ให้ผู้ลี้ภัยทางการเมืองของไทย ได้กลับบ้านทุกคน จะทำอย่างเต็มที่ให้นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ไม่ถูกอุ้มหาย จะได้รับความยุติธรรม จะต้องได้รับความคุ้มครองตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล
“3 ปีที่ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ สูญหาย จะไม่สูญเปล่า พรบ.อุ้มหาย ถูกนำมาใช้เพื่อเริ่มกระบวนการใหม่ให้กับบุคคลที่ถูกบังคับให้สูญหายแล้ว รอเพียงการปฏิบัติจากเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อสอบสวนหาผู้กระทำผิด คืนความยุติธรรมให้วันเฉลิม"
ที่มา FB : rangsiman rome - รังสิมันต์ โรม / FB : กัณวีร์ สืบแสง Kannavee Suebsang