สูตรส้มหล่น VS สูตรรักสลับขั้ว สูตรไหนจะเป็นรัฐบาล และใครจะได้เป็น "นายกฯ"
ศึกชิงเก้าอี้นายกฯ ยังคงระอุ หลัง “พิธา” หมดลุ้นตำแหน่งนายกฯ ตอกย้ำแนวโน้ม “พรรคก้าวไกล” สุดท้ายแล้วได้เป็นพรรคฝ่ายค้าน
หลังการโหวตเลือกนายกฯ รอบแรก เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา ก็มีความชัดเจนแล้วว่า โอกาสที่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” จะได้เป็นนายกฯ จบสิ้นลงไปแล้ว แม้ต่อมา “ก้าวไกล” จะพยายามแก้เกมด้วยโรดแมป 2 สมรภูมิ เปิดศึกคู่ขนาน โดยแนวรบที่ 1 คือการโหวตเลือกนายกฯ และแนวรบที่ 2 คือการแก้รัฐธรรมนูญ ม.272 เพื่อปิดสวิตช์ ส.ว. ในการโหวตเลือกนายกฯ แต่ก็เป็นได้เพียงการยื้อเวลาเท่านั้น โดย “ความน่าจะเป็น” ในการโหวตเลือกนายกฯ ครั้งต่อๆ ไป มีแนวโน้มดังต่อไปนี้
การโหวตเลือกนายกฯ ครั้งที่ 2 โมเดลที่ 1
ในการโหวตเลือกนายกฯ ครั้งที่ 2 โมเดลที่ 1 หาก 8 พรรคร่วม ยังคงเสนอชื่อ “พิธา” ซึ่งคาดว่า ผลที่ออกมาก็จะไม่แตกต่างจากการโหวตเลือกนายกฯ ครั้งที่ 1 ที่ “พิธา” ได้เสียงจาก ส.ว. เพียง 13 เสียงเท่านั้น ซึ่งไปๆ มาๆ จำนวนอาจลดน้อยลงไปอีก
และอีกสิ่งที่น่ากังวล และมีการพูดถึงเป็นอย่างมากในเวลานี้ก็คือ “พรรคร่วมฯ เดิม” อาจเสนอชื่อแคนดิเดตฯ เข้าชิงตำแหน่งด้วย แม้จะมีจำนวนเสียง ส.ส. รวมกันเพียง 188 เสียง แต่คาดว่า ถ้ามาทางเวย์นี้ จะได้เสียงสนับสนุนจาก ส.ว. จนคะแนนเสียงพุ่งพรวดทะลุ 376 เสียงได้อย่างไม่ยากนัก !
แต่ถึงแม้ว่า การที่ “พรรคร่วมฯ เดิม” เสนอชื่อแคนดิเดตฯ เข้าชิง จะมีความเป็นไปได้ แต่ก็เป็นเกมที่มีความเสี่ยงสูง ทั้งในการหา “งูเห่า” มาเติมเสียง ส.ส. ให้เกิน 250 เสียง อีกทั้งอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ “ม็อบจุดติด” เพราะจะสร้างความโกรธแค้นให้กับประชาชนจำนวนมาก จนยากที่จะควบคุมสถานการณ์ได้
ประกอบกับหากเกมการสกัด “ก้าวไกล” ดำเนินเดินไปจนถึงสุดทาง “พรรคร่วมรัฐบาลเดิม” เกือบทุกพรรคมีโอกาสได้ร่วมรัฐบาลใหม่ ยกเว้น “พรรครวมไทยสร้างชาติ” (มี 36 เสียง) จึงมีแนวโน้มว่าน่าจะ “อดเปรี้ยวไว้กินหวาน” มากกว่า
ดังนั้น การโหวตเลือกนายกฯ ครั้งที่ 2 โมเดลที่ 1 “พิธา” ยังคงถูกเสนอชื่อให้ข้าชิงแบบไร้คู่แข่ง เพื่อตอกย้ำให้ประชาชนเห็นว่า “ไม่สามารถไปต่อแล้วได้จริงๆ”
บทความที่น่าสนใจ
การโหวตเลือกนายกฯ ครั้งที่ 2 โมเดลที่ 2
แต่จากสถานการณ์ล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (17 ก.ค. 66) ได้มีการเผยแพร่วาระการประชุมของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 19 ก.ค. 66 (วันเดียวกับวันโหวตเลือกนายกฯ ครั้งที่ 2) ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะมีการพิจารณาว่า จะรับคำร้องของ กกต. ที่ยื่นเรื่องให้วินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส. ของ “พิธา” หรือไม่ ? และถ้ามีมติรับพิจารณา จะมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือเปล่า ?
เหตุการณ์อัปเดตล่าสุดตรงนี้จึงอาจเป็นเงื่อนไขสำคัญ ที่เร่งให้มีการเปลี่ยนพรรคแกนนำฯ ในกลุ่ม 8 พรรคร่วมฯ จาก “พรรคก้าวไกล” เป็น “พรรคเพื่อไทย” โดยเสนอชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นนายกฯ
แต่กระนั้นก็ตามที ด้วยยังมี “พรรคก้าวไกล” ร่วมอยู่ร่วมในทีม แม้จะไม่ได้เป็นแกนนำฯ แล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงเป็นเป้าในการถูกโจมตี และ ส.ว. ส่วนใหญ่ยังคงสามารถใช้เป็นข้ออ้าง ในการไม่โหวตสนับสนุน “เศรษฐา” ให้เป็นนายกฯ
(หมายเหตุ : ถ้าการโหวตเลือกนายกฯ ครั้งที่ 2 เป็นตามโมเดลที่ 1 การเสนอชื่อ “เศรษฐา” เป็นนายกฯ ก็จะเป็นในการโหวตเลือกนายกฯ ครั้งที่ 3)
การโหวตเลือกนายกฯ ครั้งที่ 3 หรือครั้งที่ 4
ในการโหวตเลือกนายกฯ ครั้งที่ 3 หรือครั้งที่ 4 ที่ “พรรคเพื่อไทย” ยังเป็นแกนนำ แต่สมมตินะ สมมติว่า มีการขอปรับแผนดึง “พรรคพลังประชารัฐ” เข้าร่วมทีมด้วย ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับการบีบให้ “ก้าวไกล” ต้องตัดสินใจไปเป็นฝ่ายค้านอันเนื่องมาจากได้ให้สัญญากับประชาชนแล้วว่า จะไม่ร่วมรัฐบาลกับ “พรรคพลังประชารัฐ” อย่างเด็ดขาด
และเมื่อ “พรรคก้าวไกล” ถอนตัว ก็มีเสียง ส.ส. หายไปเป็นจำนวนมาก คราวนี้ก็จะมี “พรรคร่วมฯ เดิม” เข้ามาร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วยมากมาย อาทิ “ภูมิใจไทย” , “ประชาธิปัตย์” ฯลฯ โดยมีตัวเลข ส.ส. ในระดับเกือบ 300 ขึ้นไป สามารถเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพได้อย่างไร้กังวล
โดยในการโหวตเลือกนายกฯ ครั้งสุดท้ายนี้ มีความเป็นไปได้ที่ “เพื่อไทย” จะส่ง “เศรษฐา” ลงอีก หรืออาจส่ง “อุ๊งอิ๊งค์” (แต่กูรูการเมืองส่วนใหญ่คาดการณ์กันว่า น่าจะเป็นอุ๊งอิ๊งค์)
ซึ่งด้วยคอนเนคชั่นของ “บิ๊กป้อม” กับ “กลุ่ม ส.ว. และที่สำคัญไม่มี “ก้าวไกล” ในสมการแล้ว จึงคาดว่า “แคนดิเดตฯ ของพรรคเพื่อไทย” จะได้รับการสนับสนุนจากเหล่า ส.ว. จนทำให้คะแนนพุ่งกระฉูดเกิน 376 เสียงไปได้อย่างไม่ยาก
อ้างอิง
รัฐบาลก้าวไกล VS รัฐบาลส้มหล่น สูตรไหนจะได้ไปต่อ ? (วิเคราะห์เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2566)
